13 Steps จากลูกจ้างสู่เจ้าของกิจการ✨

13 Steps จากลูกจ้างสู่เจ้าของกิจการ✨
ในโลกของการทำงานจะแบ่งการทำงานออกเป็น 3 แบบหลักๆ คือ ลูกจ้าง, Freelance และเจ้าของกิจการ แต่ทุกวันนี้เราจะได้เห็นคนรุ่นใหม่เริ่มผันตัวเองจากลูกจ้างมาเป็นเจ้าของกิจการ บ้างก็เพราะเบื่อที่ต้องคอยรับฟังคำสั่งจากคนอื่น เบื่อกับกฎกติกาและรูปแบบการทำงานที่ตัวเองไม่ชอบ ได้แต่คิดเฝ้าฝันว่าอยากจะเป็นนายตัวเองสักวัน เป็นนายของตัวเองไม่ต้องรับคำสั่งจากใครหรือสามารถกำหนดเวลา รูปแบบการทำงานได้ด้วยตัวเองและอะไรๆ อีกหลายประการ
Step 1: ค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบ
บางคนได้บอกว่าให้เริ่มธุรกิจในสิ่งที่เราหลงใหล แต่จริงๆ แล้วจะต้องมากกว่านั้น การเริ่มต้นธุรกิจที่ดีควรเป็นธุรกิจที่ทั้งชื่นชอบและถนัดด้วย ทบทวนทักษะความสามารถทั้งหมดของคุณว่า ความสามารถของคุณที่มีอยู่สามารถเริ่มต้นเป็นกิจการใดได้บ้าง
Step 2: ศึกษาตลาด
นอกจากจะเริ่มต้นธุรกิจที่ตนเองถนัดแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ธุรกิจของคุณนั้นตอบโจทย์ผู้บริโภคหรือไม่? หากคุณทำออกมาแล้วจะมีคนยอมจ่ายเงินให้หรือไม่? ธุรกิจที่คุณจะทำมี Demand มากน้อยแค่ไหน? เพราะนี่เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงผู้บริโภคทุกครั้ง ซึ่งก็คงไร้ประโยชน์หากทำออกมาแล้วไม่มีใครซื้อ นั่นก็หมายความว่าธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จนั่นเอง
Step 3: Insight ผู้บริโภค
ต้องรู้ว่าใครคือลูกค้า “กลุ่มเป้าหมาย (Target) ”ของเรา หาคำตอบว่าลูกค้าเราเป็นใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน อย่างไร และต้องการอะไร? ลงสนามและหาไอเดียจากความต้องการของลูกค้า โดยการสัมภาษณ์ การทำแบบสอบถาม ซึ่งการสำรวจตลาดเบื้องต้นก่อนลงมือทำธุรกิจ จะช่วยลดความเสี่ยงไปมาก เพราะข้อมูลที่นำมาทำเกิดจากความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง
Step 4: เขียนแผนธุรกิจ (Business Plan)
นำความคิดทุกอย่างมาจัดให้เป็นแบบแผนโดยการเขียน model ขึ้นมา เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการดำเนินงาน, ออกแบบผลิตภัณฑ์, จุดเด่นจุดด้อยของธุรกิจ, วิเคราะห์คู่แข่ง, กลยุทธ์การตลาด ฯลฯ
Step 5: วางแผนทางการเงิน
กำหนดและเขียนรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือน รวมถึงกำหนดค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อดำเนินธุรกิจแล้ว และทำขึ้นมาหลายๆ แผนเผื่อกรณีที่ค่าใช้จ่ายเกินจากที่กำหนดไว้ ว่าหากเกิดกรณีนี้เราจะยังสามารถรับมือได้หรือไม่ พร้อมกับประเมินความเป็นไปได้ไปในตัว ว่าธุรกิจนี้สามารถเป็นไปได้หรือไม่ในด้านการเงิน
Step 6: เริ่มต้นจากสเกลเล็กๆ
การลงมือทำจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่า ธุรกิจที่ได้วางแผนมาเป็นอย่างดีจะรอดหรือไม่? แต่ควรเริ่มด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ก่อน เพื่อเป็นการทดลองตลาดในระยะเริ่มแรก ซึ่งการได้ลงมือทำจริงๆ จะทำให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น และนำมาแก้ไขและพัฒนาต่อไป เพื่อให้ตอนที่ลงทุนก้อนใหญ่จะเกิดปัญหาได้น้อยที่สุด
Step 7: พัฒนาและปรับปรุง
เมื่อได้ข้อติชมจากลูกค้าแล้ว รวบรวมคอมเม้นท์เหล่านั้น นำพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไป เพื่อให้ธุรกิจของเรามีจุดอ่อนน้อยที่สุด
Step 8: รวบรวมทีมงาน
เพราะความสำเร็จของธุรกิจไม่สามารถสร้างขึ้นได้เพียงคนๆ เดียว บางคนมองข้ามถึงการจ้างทีมงาน จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหากธุรกิจล้มเหลว เพราะทีมงานไม่เพียงพอและมีความสามารถไม่ตรงกับงานที่กำหนดไว้ ดังนั้นปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งคือทีมงานที่มาร่วมงานกับเราต้องมีคุณภาพ และความสามารถเพียงพอที่พร้อมจะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตไปในอนาคตด้วย
Step 9: ออกจากงานประจำ
เมื่อคุณเริ่มรู้สึกอยู่ตัวกับธุรกิจที่ปั้นมากับมือ ก็ถึงเวลาที่ต้องออกมาทำธุรกิจอย่างเต็มตัวแล้ว แต่อย่าลืมนึกถึงความเสี่ยงที่ต้องออกจากงานประจำด้วย เพราะคุณจะไม่มีรายได้ประจำที่แน่นอนอีกต่อไป นั่นก็แปลว่าคุณต้องมั่นใจกับธุรกิจนี้ ว่าจะสามารถไปต่อและเติบโตต่อไปได้ในอนาคต
Step 10: พัฒนาและสร้างให้ธุรกิจเติบโต
ตั้งเป้าหมายธุรกิจว่าจะเติบโตไปในทิศทางไหน ปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งมองหาโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นโอกาสทางตลาด การขยายกิจการ หรือการสร้างพันธมิตรคู่ค้า เพราะในโลกของธุรกิจคุณไม่สามารถดำเนินไปในแบบเดิมได้ตลอดไป ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง เรียนรู้และปรับตัวให้ทัน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง
Step 11. ลาออกจากงานประจำ
เมื่อธุรกิจพร้อมแล้ว ให้ลาออกจากงานประจำวัน เพื่อทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่อย่าลืมว่าในการออกมาทำธุรกิจของตัวเองนั้น ในวันข้างหน้าเราอาจจะต้องได้พบเจอกับหัวหน้าเก่า เจ้านายเก่า หรือเพื่อนร่วมงานเก่าๆ ดังนั้น ก่อนการลาออกต้องบอกเจ้านายและเพื่อนร่วมงานให้ดี ไม่บาดหมางใจกัน เพราะอนาคตธุรกิจอาจต้องพึ่งพาช่วยเหลือกัน
Step 12. ตั้งงบประมาณในการทำงาน
ช่วงเวลาที่เราทำงานประจำ อาจจะไม่สามารถจัดสรรเรื่องงบประมาณในการทำธุรกิจได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อเราออกจากงานประจำมาบริหารกิจการของเราอย่างเต็มที่แล้ว อยากแรกเราต้องบริหารงบประมาณในการทำธุรกิจ แยกออกเป็นแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การตลาด การจำหน่าย การขนส่ง รวมเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท เป็นต้น
Step13. ปรับขนาดธุรกิจตามแผนการตลาด
สุดท้ายคือ การทำธุรกิจให้เป็นไปตามแผนงานหรือแผนธุรกิจที่เราได้เขียนเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ถ้าออกจากงานแล้วธุรกิจไปได้สวย แต่ตอนแรกแผนธุรกิจเขียนเล็กๆ เราก็ต้องมาปรับขนาดธุรกิจให้เท่ากับแผนการตลาดในปัจจุบัน เช่น ถ้าสินค้าเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ เราก็ต้องปรับขนาดธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับตลาดต่างประเทศ เช่น อาจต้องเพิ่มทีมงานด้านต่างประเทศโดยเฉพาะ รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตที่มากขึ้นด้วย
-----------------------------------------------------------------------------------
สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์
ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้
------------------------------------------------------------------------------------
💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙
📱Tel : 0840104252 📱0947805680
สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)
📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH
┏━━━━━━━━━┓
📲 LINE: @chatstick
┗━━━━━━━━━┛
หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM
🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran
🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio
Comments