20 กลยุทธ์การตลาดใช้ได้จริง เข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่าเดิม✨
20 กลยุทธ์การตลาดใช้ได้จริง เข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่าเดิม✨
1. กลยุทธ์การตลาดแบบลองฟรีก่อน จ่ายทีหลัง
การเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ทดลองสินค้าหรือบริการของคุณก่อน เป็น Give ก่อน Take ยิ่งคุณให้ก่อนได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะได้รับกลับมายิ่งมากเท่านั้น
ถ้าเป็นโลกดิจิทัล ตัวอย่างที่จะเห็นอยู่บ่อยๆ ก็จะเป็นธุรกิจประเภทซอฟต์แวร์ (SaaS) ที่มาในรูปแบบ Freemium Model คือใช้ฟรีตลอดกาล (แต่จำกัดฟีเจอร์) ถ้าอยากได้ฟีเจอร์แบบพรีเมียมต้องจ่ายเงิน
ถ้าเป็นโลกออฟไลน์ ตัวอย่างที่จะเห็นบ่อยก็จะเป็นการแจก Sample ของสินค้าในห้างให้คนทดลองกินหรือลองเอากลับบ้านไปใช้ก่อน
ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะให้ลูกค้าไปทดลองใช้ฟรีๆ ก่อนได้ (เช่นของที่มีราคาแพงหรือมีความซับซ้อนสูง)
ตัวอย่างเช่นถ้าคุณเดินเข้าไปในห้าง แล้วคุณเจอเสื้อผ้า 3 ร้านขายเสื้อผ้าแบบเดียวกัน แต่ป้ายราคาที่เขาติดไม่เหมือนกันได้แก่
- เสื้อตัวนี้ราคา 500 บาท
- เสื้อตัวนี้ราคา 1,000 บาท พิเศษ! ลดราคาเหลือ 500 บาท
- เสื้อตัวนี้ราคา 1,000 บาท พิเศษ! ลดราคาเหลือ 500 บาท โปรโมชั่นนี้ใช้ได้แค่วันนี้เท่านั้น!
2. กลยุทธ์การตลาดแบบขาดแคลน (Scarcity Marketing)
Scarcity Marketing การตลาดแบบขาดแคลนตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่าคนเรามักจะไม่สนใจสิ่งที่อยู่มากมายเหลือเฟือ แต่มักจะโหยหาสิ่งที่ขาดแคลน
ถ้าเป็นโลกดิจิทัล ตัวอย่างที่จะเห็นอยู่บ่อยๆ ก็จะเป็นธุรกิจประเภทซอฟต์แวร์ (SaaS) ที่มาในรูปแบบ Freemium Model คือใช้ฟรีตลอดกาล (แต่จำกัดฟีเจอร์) ถ้าอยากได้ฟีเจอร์แบบพรีเมียมต้องจ่ายเงิน
ถ้าเป็นโลกออฟไลน์ ตัวอย่างที่จะเห็นบ่อยก็จะเป็นการแจก Sample ของสินค้าในห้างให้คนทดลองกินหรือลองเอากลับบ้านไปใช้ก่อน ถ้าใช้แล้วชอบก็ค่อยซื้อ
3. กลยุทธ์งานอีเวนต์ (Event Marketing) แบบจัดเอง หรือ Video Conference
การจัดอีเวนต์เป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่จะวางตำแหน่งให้คุณเป็นผู้นำหรือเป็นผู้ที่รู้ในเรื่องนั้นๆ
นอกเหนือจากงาน Event หรือ Conference ขนาดใหญ่แล้ว การจัดงานสัมมนาเพื่อเชิญชวนคนมาฟังในเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญ ก็เป็นสิ่งที่ทำได้เช่นกัน เช่นถ้าคุณให้บริการเรื่องบัญชี คุณก็อาจจะจัดสัมมนาเรื่องบัญชีขึ้นมา หรือถ้าคุณขายชา คุณก็อาจจะจัดสัมมนาเรื่องวิธีการชงชาขึ้นมา เป็นต้น โดยในยุคปัจจุบันอาเป็นร่วมประชุมกลุ่ม ออนไลน์ โดยใช้เครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Zoom / Google Meeting /Line/Face book Live/Club House
ตัวอย่างเช่นการที่ Priceza จัดงาน Priceza E-Commerce Summit ขึ้นมาเพื่อบอกเขาพวกเขาเป็นผู้นำทางด้าน E-Commerce
4. กลยุทธ์งานอีเวนต์ (Event Marketing) แบบเข้าร่วม
การที่คุณเข้าร่วมอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับงานหรือธุรกิจที่คุณทำอยู่จะทำให้คุณได้พบเจอคนกลุ่มใหม่ๆ ที่คุณอาจจะไม่ได้เจอพวกเขาบนโลกออนไลน์ และคุณจะเจอโอกาสที่ช่วยให้คุณสามารถทำการตลาดให้กับตัวคุณหรือสินค้า/บริการของคุณได้เพิ่มเติม
เช่นถ้าคุณให้บริการปรึกษาทำบัญชี งานอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับคุณตรงๆ ก็จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับบัญชี แต่งานอีเวนต์แบบอ้อมๆ ที่จะช่วยคุณได้ประโยชน์ก็อาจจะเป็นอีเวนต์เกี่ยวกับธุรกิจหรืออีเวนต์เกี่ยวกับ Startup (เพราะคนเหล่านี้ต้องการบริการทางด้านบัญชีแน่ๆ ไม่มากก็น้อย)
5. ทำ Public Speaking
การไปพูด (หรือได้รับเชิญ) ไปพูดในงานต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการทำการตลาดที่ได้ผลลัพธ์ในวงกว้าง ถ้าทำดีๆ จะได้ลูกค้าหรือได้พื้นที่สื่อโดยที่ไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาเลยแม้แต่บาทเดียว
แต่ตอนทำ Public Speaking จริงๆ ทำออกมาให้ดี ไม่ง่ายเลย เพราะถ้าจะทำ Public Speaking ให้ดีโดยที่ให้วกกลับมาเรื่องการทำการตลาดให้กับตัวคุณหรือธุรกิจของคุณแล้ว การเตรียมตัวเป็นเรื่องสำคัญ โดยสิ่งที่คุณต้องเตรียมคือ เนื้อหาและการถ่ายทอดเนื้อหา
6. กลยุทธ์การตลาดแบบบอกต่อ (Referral Marketing)
กลยุทธ์การตลาดแบบบอกต่อ มีแนวคิดที่ว่า “ถ้าคุณคิดว่าสินค้าหรือบริการของเราดี เอาไปแนะนำเพื่อนต่อสิ นอกจากเพื่อนของคุณจะได้ประโยชน์แล้ว เรายังมีประโยชน์เพิ่มเติมให้กับคุณด้วย”
ตัวอย่างของ Dropbox ซึ่งเป็นบริการฝากไฟล์(เหมือนๆ กับ Google Drive และ One Drive)
สิ่งที่ Dropbox ทำคือการบอกคนที่ใช้บริการของเขาว่าถ้าคุณสามารถชวนเพื่อนมาใช้บริการได้ 1 คน คุณจะได้พื้นที่เก็บไฟล์เพิ่มขึ้น 500 MB (สูงสุด 16 GB) ยิ่งชวนมาก ยิ่งได้พื้นที่มาก
ซึ่งจากการทำแบบนี้ทำให้พวกเขาเพิ่มจำนวนคนใช้งานจากแค่ 100,000 คนในปี 2008 มาเป็น 4,000,000 คนในปี 2009 หรือภายในระยะเวลาแค่ 15 เดือน
สรุปกลยุทธ์การตลาด Referral Marketing ก็คือ 1. ใช้ดี 2. บอกต่อ 3. ทุกฝ่ายได้ประโยชน์
7. กลยุทธ์การตลาดแบบช่วยขาย (Affiliate Marketing)
กลยุทธ์การตลาดแบบช่วยขาย (Affiliate Marketing) มีความคล้ายกับ Referral Marketing ในเรื่องของการบอกต่อ แต่จุดที่ต่างคือ Affiliate Marketing จะต้องเกิดการซื้อขายจริงๆ คือคนขายต้องการของได้จริงๆ และคนที่นำสินค้าหรือบริการไปโปรโมท ถ้าขายได้จะได้รับก็จะเป็นเงินจริงๆ เช่นกัน
ตัวอย่างของการทำ Affiliate Marketing คือบริษัท SiteGround ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Hosting ซึ่งสิ่งที่เขาทำคือเขาจะสร้างลิงก์พิเศษมาให้เฉพาะสำหรับนักการตลาดแบบช่วยขาย (Affiliate Marketer)
8. กลยุทธ์การตลาดแบบร่วมมือ (Partnership)
ธุรกิจแต่ละธุรกิจ แบรนด์แต่ละแบรนด์มีฐานผู้ติดตามหรือฐานลูกค้า ของตัวเอง ซึ่งการจะขยายฐานลูกค้านั้นทำได้ยาก ต้องใช้เวลา เพราะกลุ่มเป้าหมายมักจะเป็นกลุ่มที่ใกล้เคียงกับฐานเดิมอยู่แล้ว แต่การทำ Partnership จะช่วยย่นระยะเวลาในการสร้างฐานลูกค้าลงไป เพราะสามารถทำการ “แลกเปลี่ยน”ลูกค้ากับแบรนด์อื่นได้
ตัวอย่างของไทยที่เคยเห็นและจำได้คือการทำ Partnership ระหว่าง Bonchon และ After You สร้างเมนูเด็ดชื่อว่า Chicken Toast ขึ้นมา
9. กลยุทธ์การตลาดผ่านผู้มีอิทธิพลทางความคิด (Influencer Marketing)
Influencer Marketing คือ การทำให้ผู้มีอิทธิพลทางความคิดพูดถึง เขียนถึง อ้างถึง สินค้าหรือบริการของคุณ เช่น ดารา เซเลป influencer , YouTuber , Coarch , Caster
จุดประสงค์หลักของการทำ Influencer Marketing คือ
- กระตุ้นแคมเปญการตลาด
- ซื้อ Audience หรือ Branding ของผู้มีอิทธิพลทางความคิด
- ให้ผู้มีอิทธิพลทางความคิดพูดเรื่องที่คุณไม่ควรพูดเอง
คุณอาจจะคิดว่าการทำ Influencer Marketing จะต้องใช้งบเป็นจำนวนมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่เสมอไป ปัจจุบันมี Influencer Marketing Platform หลายตัวอย่างเช่น Tellscore และ Revu ที่ช่วยให้เข้าถึง Micro Influencer ในราคาที่จับต้องได้
10. กลยุทธ์การตลาดผ่านการเขียนบทความ (Blogging)
การเขียนบทความเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การทำการตลาดเพราะว่าความง่ายของมัน ง่ายในที่นี้คือ
- เริ่มต้นเขียนได้ง่าย
- เริ่มต้นกระจายและดึงคนให้มาอ่านได้ง่ายโดยเฉพาะการเขียนบทความบนโลกออนไลน์
เพียงแค่อาศัยสมอง สองมือ แล้วเริ่มเขียน จากนั้นเอาสิ่งที่เขียนไปแชร์ในที่ต่างๆ
ซึ่งการเขียนบทความที่ให้ความรู้หรือแก้ไขปัญหาให้คนจะทำให้คนที่อ่านมองคุณในฐานะผู้รู้ในเรื่องที่คุณเขียน เมื่อกลุ่มเป้าหมายของคุณจะพิจารณาซื้อสินค้าหรือซื้อบริการ ถ้าคุณมีสิ่งที่เขาต้องการอยู่ คุณก็จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับแรกๆ ของพวกเขา
11. กลยุทธ์การตลาดผ่านการเขียนบทความบนแพล็ตฟอร์มอื่น (Guest Blogging)
กลยุทธ์นี้มีความคล้ายกับกลยุทธ์ก่อนหน้า เพียงแต่ว่าเปลี่ยนจากการที่โปรโมทหรือแชร์บทความที่เขียนลงในพื้นที่ มาเป็นการเขียนบทความลงเว็บไซต์ที่มีฐานผู้ติดตามอยู่แล้ว
ถ้าเลือกสื่อได้ถูกและคอนเทนต์ของคุณดีและตอบโจทย์คนอ่านได้จริง Guest Blogging จะเป็นหนึ่งในช่องทางการตลาดที่ทรงพลัง
12. กลยุทธ์การตลาดแบบเหาฉลาม
เราสามารถใช้หลักการนี้กับการทำการตลาดได้เช่นเดียวกันโดยการพยายามเกาะสิ่งที่กำลังเป็น กระแสอยู่หรือเกาะไปกับ Platform หรือบริษัทขนาดใหญ่แล้วเติบโตไปด้วยกัน (เพราะด้วยแรงและงบประมาณที่คุณมี มันไม่ง่ายเลยที่จะสร้างอะไรขึ้นมาเพื่อแข่งหรือทดแทน Platform นั้นๆ)
เช่นถ้าคุณคิดว่า Tiktok กำลังจะมาและจะเติบโตไปได้อย่างแข็งแรง คุณก็อาจจะเริ่มเข้าไปสร้างแบรนด์ของคุณใน Tiktok เพื่อที่ว่าเมื่อวันที่ Tiktok เติบใหญ่ คุณจะได้เติบโตตามไปด้วย
สิ่งสำคัญของกลยุทธ์นี้คือไม่ควรที่จะเป็นเหาฉลามที่ทำเพียงแค่กินเศษอาหารจากฉลาม แต่ควรที่จะช่วยดูแลรักษาและทำให้ฉลามตัวนั้นๆ ที่คุณเกาะอยู่เติบโตไปได้อย่างแข็งแรง
13. กลยุทธ์การตลาดแบบขายเพิ่ม (Upsell)
เมื่อลูกค้าของคุณตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการแล้ว นั่นหมายความว่าเขามีความเชื่อมั่นใน ระดับนึงเพราะฉะนั้น การที่จะขายสินค้าหรือบริการให้กับเขาเพิ่มนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้และควรทำ
ตัวอย่างของ Content Shifu เช่นถ้ามีคนซื้อหนังสือ Inbound Marketing ของเราไปแล้ว (และเขามาลงทะเบียนออนไลน์เราก็จะพยายาม Upsell คนคนนั้นต่อด้วยคอร์สเรียนหรือ Product ประเภทอื่น)
14. กลยุทธ์การตลาดแบบภูธร
ปัจจุบันการทำการตลาดมีความลึกล้ำซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ AI, Automation, Programmatic และคำศัพท์ที่ดูเข้าใจยากอีกหลายอย่าง
การตลาดแบบภูธรหมายถึงการทำการตลาดแบบ Personalize ตามแต่ละท้องถิ่นที่อยู่นอกเหนือกรุงเทพ ตัวอย่างการทำการตลาดแบบภูธรเช่นการใช้รถแห่ การจัดคอนเสิร์ต ปรากฏว่าการตลาดแบบนี้ก็เป็นส่วนสำคัญในการทำการตลาดที่ทำให้คนในพื้นที่นั้นๆ เห็นและสนใจ
ในความเป็นจริงแล้ว การตลาดแบบภูธรก็เป็นการตลาดแบบปกตินี่แหละ เพียงแต่ว่า Keyword ที่สำคัญคือการรู้และเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจริงๆ คนแต่ละคน กลุ่มแต่ละกลุ่ม มีความสนใจและมีความต้องการไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นการทำการตลาดก็ควรจะต้องต่างกันด้วย
15. กลยุทธ์การตลาดผ่านทีมงาน (Employee Marketing)
ถ้าถามถึงคนที่รู้จักแบรนด์ของคุณหรือบริษัทของคุณดีไม่แพ้กับลูกค้าหรือเผลอๆ อาจจะดีกว่าก็คงจะเป็นทีมงานของคุณ
เพราะคนในจะมี Insight มากกว่าเนื่องจากว่าพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์อยู่แทบจะทุกวัน เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากการพยายามที่จะกระตุ้นให้คนนอก ช่วยทำการตลาดให้กับคุณแล้ว อย่าลืมเริ่มต้นทำการตลาดง่ายๆ ด้วยการพูดคุยกับทีมงานของคุณให้เป็นกระบอกเสียง ช่วยทำการตลาดให้กับคุณอีกแรง
ตัวอย่างการทำ Employee Marketing เขาทำได้ดีคือ MK ที่จะมีพนักงานมาเต้นเสริมสร้างความสุขให้ตัวเองและลูกค้า และ Bar B Q Plaza ที่ให้พนักงานหยุดทำงานวันแม่เพื่อไปกินข้าวกับแม่
16. กลยุทธ์การตลาดผ่านโซเชียล (Social Media Marketing)
โดยพื้นฐานแล้ว มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ชอบอยู่ร่วมกันและชอบปฏิสัมพันธ์กัน ซึ่ง Social Media เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ตรงส่วนนี้
ซึ่งที่ใดก็ตามที่มีคนอยู่ ที่นั่นมีโอกาสทางธุรกิจและทางการตลาด แพลตฟอร์มอย่าง Facebook Instagram และ LINE นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่คนไทยใช้เยอะมากที่สุด แพลตฟอร์มอย่าง Twitter LinkedIn และ Tiktok เองก็อยู่ในช่วงเวลาแห่งการเติบโต
โดยปกติแล้ว สิ่งที่แพล็ตฟอร์มเหล่านี้ขายให้กับคุณคือ “เวลาและข้อมูลของคน” แพลตฟอร์มไหนที่มีอยู่หนาแน่นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และเม็ดเงินสูง
แนวคิดในการเลือกใช้ Social Media มีอยู่ง่ายๆ 2 วิธี
- เลือกให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจ
- เลือกให้เหมาะกับแรงเงินและแรงงาน
17. กลยุทธ์การตลาดผ่านการค้นหา (Search Marketing)
ในปัจจุบันที่ทำให้คนขี้สงสัยและอยากรู้อยากเห็นได้รับคำตอบนั้นก็คือ Search Engine (ในประเทศไทย Search Engine ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ Google)
เพราะฉะนั้น ถ้าสามารถตอบคำถามหรือแก้ไขปัญหาให้กับคนได้ ก็จะไปได้ดีกับ Search MarketingContent Shifu เองก็เน้น Search Marketing เป็นหลักเหมือนกัน (คุณสามารถลองไปค้นหาความรู้เกี่ยวกับ Digital Marketing ได้ใน Google ในหลายๆ ครั้ง คุณจะพบเจอ Content Shifu อยู่แน่ๆ) หรือเข้าไปดูบทความเกี่ยวกับ Seach Marketing ทั้งหมดที่ Content Shifu บทความเกี่ยวกับการ Search Marketing แบบไม่ต้องซื้อโฆษณา
18. กลยุทธ์การตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing)
Email Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดแบบ 1-on-1 แบบสเกลได้ ความหมายคือสามารถส่งสารไปพูดคุยกับลูกค้าหรือผู้ติดตามแบบคนต่อคนได้ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งคนหรือเป็นล้านคน ซึ่งถ้าทำ Email Marketing ดีๆ คนรับจะรู้สึกว่าอีเมลนั้นๆ สื่อสารกับเขาโดยเฉพาะ
สำหรับตลาดไทยแล้ว Email Marketing เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ถูกมองข้ามเพราะอาจดูล้าสมัยและไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับวิธีการอื่น ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว ถ้าทำออกมาได้ดี Email Marketing เป็นอีกช่องทางทำให้คุณได้มาซึ่งลูกค้าด้วยการลงทุนที่เหมาะสม
19. กลยุทธ์การตลาดผ่านชุมชน (Community Marketing)
คนที่เหมาะสมที่จะเป็นกระบอกเสียงให้กับธุรกิจของคุณมากที่สุดคือคนที่รัก ชื่นชอบ และใช้เวลาของพวกเขาอยู่กับที่ของคุณคิดว่า Community Marketing คืออีกระดับของ Referral Marketing ที่ต้องอาศัยความพยายามและเวลาในการฟูมฟักความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือผู้ติดตามจนกระทั่งพวกเขากลายมาเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจให้กับธุรกิจของคุณ
ตัวอย่างของธุรกิจที่ทำ Community Marketing ได้ดีมีหลายตัวอย่างครับ เช่น Houzz(แพลตฟอร์มรวมสินค้า บริการ และความรู้เกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน) ที่รวมคนที่สนใจหรือชอบตกแต่งบ้านมาไว้ด้วยกัน, Teachable (ซอฟต์แวร์บริหารจัดการการเรียนออนไลน์) ที่รวมคนที่สนใจในการแบ่งปันความรู้มาไว้ด้วยกัน หรือถ้าของไทยก็จะมี
20. กลยุทธ์การตลาดกลุ่มเฉพาะ (Niche Marketing)
ในยุคปัจจุบัน ด้วยการเติบโตของเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้คน มันเป็นไปได้ยากมากๆ ที่สินค้าหรือบริการของคุณจะถูกสร้างขึ้นมาให้เหมาะกับคนทุกคน กลุ่มทุกกลุ่ม (หรือถ้าคุณทำสินค้าหรือบริการแบบนั้นออกมา ลูกค้าก็อาจจะเปลี่ยนใจไปซื้อจากเจ้าอื่นคนอื่นได้อย่างไม่ยาก)
เพราะฉะนั้นกลยุทธ์การตลาดกลุ่มเฉพาะจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าสนใจ การตลาดกลุ่มเฉพาะเป็นการที่คุณเลือกที่จะทำสินค้าหรือบริการขึ้นมาให้ดีมากๆ หรือดีที่สุดสำหรับคนบางกลุ่มเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นไม่ใช่กลุ่มคนที่คุณให้ความสำคัญ
ตัวอย่างเช่น Tofusan ที่ในตอนเริ่มต้นพวกเขาเมินตลาดน้ำเต้าหู้แบบผสมนมผงซึ่งมีราคาถูกกว่าและมีขนาดตลาดใหญ่กว่า แต่เขาโฟกัสที่น้ำเต้าหู้แบบคั้นสด (ที่มีตลาดเล็กกว่า 10 เท่า) แต่เป็นที่ที่เขาสามารถเป็นเจ้าตลาดได้
เช่นเดียวกับการทำการตลาดที่ควรจะมุ่งเน้นทำแต่เรื่องเฉพาะที่คุณเชี่ยวชาญหรือจับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่เขาน่าจะสนใจคุณ เพื่อที่คุณจะได้แตกต่างจากการทำการตลาดของบริษัทน้อยใหญ่ในตลาด
-----------------------------------------------------------------------------------
สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์
ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้
------------------------------------------------------------------------------------
💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙
📱Tel : 0840104252 📱0947805680
สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)
📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH
┏━━━━━━━━━┓
📲 LINE: @chatstick
┗━━━━━━━━━┛
หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM
🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran
🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio
Commentaires