top of page

📣5 ขั้นตอน วิจัยการตลาด ใช้ได้กับธุรกิจทุกกลุ่ม


📣5 ขั้นตอน วิจัยการตลาด ใช้ได้กับธุรกิจทุกกลุ่ม  เมื่อเจ้าของธุรกิจ ต้องการที่จะขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดให้ลึกลงไปกว่าเดิม การสร้างแผนธุรกิจ จึงเป็นบันไดที่นำไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งส่วนประกอบของแผนธุรกิจที่มีประสิทธิผลนั้น ขึ้นอยู่กับหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง และนี่คือ 5 ขั้นตอน ที่จะพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดของคุณให้บรรลุเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี  📌วิจัยตลาด คืออะไร? การวิจัยตลาด เป็นวิธีที่สามารถตอบคำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับสภาพของอุตสาหกรรมได้ แต่การได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าที่เราจะสามารถวางใจได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นนักวิจัยตลาดอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือนในการเก็บข้อมูล และสำรวจข้อมูล เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด  วิจัยตลาด (Market research) เป็นกระบวนการในการตรวจสอบผู้ซื้อ ว่าผลิตภัณฑ์ที่ผู้ซื้อเหล่านี้ต้องการคืออะไร และสถานที่ที่พวกเขามักซื้อผลิตภัณฑ์ และบริการคือที่ไหน ซึ่งการมีส่วนร่วม และการเก็บข้อมูลกับคนที่ถูกต้อง ทำให้ธุรกิจสามารถใช้งานวิจัยนี้ เพื่อวางตำแหน่งตัวเองในตลาด และทำนายว่าตลาดใดจะไปได้ดีในอนาคต  เพื่อให้คุณได้ทราบข้อมูลเชิงลึกในการวิจัยตลาดมากยิ่งขึ้น คุณต้องพิจารณาว่าคุณจะใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ หรือเชิงปริมาณ ซึ่งขึ้นอยู่กับการศึกษาที่คุณดำเนินการ และสิ่งที่คุณพยายามเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ โดยการวิจัยเชิงคุณภาพจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความคิดเห็นของสาธารณชน และสำรวจตลาดว่าผู้บริโภครู้สึกอย่างไรกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดนั้น ๆ ส่วนการวิจัยเชิงปริมาณจะเกี่ยวข้องกับข้อมูล และการค้นหาแนวโน้มที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกรวบรวมจากสาธารณะเช่นกัน  📌วิจัยปฐมภูมิ วิจัยทุติยภูมิ คืออะไร ต่างกันอย่างไร? วิจัยตลาด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ วิจัยปฐมภูมิ และวิจัยทุติยภูมิ  1. วิจัยปฐมภูมิ วิจัยขั้นต้น คือ การศึกษาผู้ที่เป็นลูกค้าของธุรกิจโดยตรง วิธีการวิจัยที่ใช้ก็เช่น การสัมภาษณ์แบบกลุ่มหรือเชิญคนมาจำนวนหนึ่งให้ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่างหนึ่ง (Focus group), การสัมภาษณ์เดี่ยวด้วยคำถามแบบแสดงความเห็น (Open-ended conversation) และการทำแบบสอบถามด้วยคำถามเฉพาะเจาะจง วิจัยประเภทนี้จะดีมากกับการสร้างกลุ่มผู้ซื้อสินค้า/บริการของบริษัท (Persona) หรือกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย   2. วิจัยทุติยภูมิ วิจัยขั้นรองหรือขั้นที่ 2 คือ การรวบรวมข้อมูลการสำรวจ แบบสอบถามและการตลาดอื่นๆ ที่ไม่ได้ทำเองมาวิเคราะห์ ข้อมูลที่ว่านี้อาจจะรวมถึงบันทึกสถิติต่างๆ ก็ได้ เช่น รายงานแนวโน้มหรือบทความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ สถิติการตลาด เป็นต้น สามารถหาได้ทั่วไป เช่น สภาอุตสาหกรรม หอการค้าไทย สำนักวิเคราะห์ธุรกิจจากต่างประเทศ หรือเอเจนซี่การตลาดใหญ่ๆ ก็มักทำรายงานวิเคราะห์การตลาดขของอุตสาหกรรมธุรกิจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนมากเป็นรายปี รวมถึงข้อมูลฟีดแบ็กธุรกิจของเรา เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียของบริษัท ก็ใช้ได้เช่นกัน  📌5 ขั้นตอน วิจัยตลาด ใช้ได้กับธุรกิจทุกกลุ่ม  คำถามแรกที่ผู้ทำธุรกิจควรถามตัวเอง คือ ลูกค้าของเราเป็นใคร เราจะขายสินค้าให้ใคร เพราะมันจะเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถทำให้เรารับรู้ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนั้นๆได้ และสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้ในทันที ซึ่งเป็นพื้นฐานของการกำหนดส่วนประสมทางการตลาดอย่าง Product, Price, Place, Promotion ให้กับธุรกิจ  1. การระบุกลุ่มเป้าหมาย สามารถทำได้โดยกำหนด “Customer Segment” โดยส่วนมากจะกำหนดด้วย เพศ อายุ รายได้ อาชีพ การศึกษา ที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นการกำหนดเป็นกลุ่มใหญ่ๆ และนำ Customer Segment นั้นมาแบ่งแยกย่อยอีกครั้งเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น ด้วยการเลือกจากความสนใจหรือพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย  ยกตัวอย่างเช่น สินค้าคุชชั่นคุมมัน กลุ่มเป้าหมายอายุ 18-30 ปี มีรายได้ 15,000-20,000 ต่อเดือน อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และสโคปให้ชัดเจนขึ้นได้ด้วย ความสนใจชอบแต่งหน้า ชอบเครื่องสำอางค์ และพฤติกรรมเช่นชอปปิ้งออนไลน์เวลา 19.00-22.00 น. เป็นต้น  หรือถ้าหากเป็นธุรกิจที่มีกลุ่มเป้าหมายแบบ Niche หรืออยากจะได้เป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น สามารถนำ Segment นี้มาระบุเจาะจงได้มากขึ้น ด้วยการใช้เครื่องมือ “Buyer Persona” หรือ “Customer Persona” เพื่อทำให้เราสามารถตอบสนองต่อลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น  2. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมาย เมื่อเรากำหนดกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว ควรทำการสุ่มเก็บข้อมูลเพื่อช่วยให้เราเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย และรู้ Insight ของลูกค้าได้มากขึ้นได้มากขึ้น วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลสามารถทำได้ ดังนี้  – การทำแบบสอบถาม เป็นการเก็บข้อมูลแบบพื้นฐาน เพื่อช่วยให้เราหาคนที่เป็นเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการออกแบบแบบสอบถามเพื่อให้ได้ตามจุดประสงค์ที่เราตั้งไว้เท่านั้น  – การสัมภาษณ์ สามารถทำการสุ่มสอบถามจากบุคคลที่ทำการตอบแบบสอบถาม, บุคคลที่มีลักษณะคล้าย Persona ที่กำหนดไว้, หรือฐานลูกค้าที่มีอยู่ เพื่อทำการพูดคุยเพื่อให้แสดงความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์หรืออุตสาหกรรมนั้นๆ การจะทำการสำภาษณ์เพื่อให้ได้ข้อมูล Insight จริงๆนั้นควรทำด้วยการใช้ “Why Why Analysis” คือ การถามไปเรื่อยๆด้วยคำว่าทำไม เช่น ทำไมถึงใช้คุชชั่น แล้วทำไมถึงใช้แบบคุมมัน แล้วทำไมถึงหน้ามัน แบบนี้ไปเรื่อยๆก็จะทำให้สามารถเก็บข้อมูลในเชิงลึกได้มากขึ้น  – การสังเกตผู้บริโภคในบริบทชีวิตประจำวันหรือสถานการณ์จริง วิธีการสังเกตก็สามารถทำได้หลายแบบ ตั้งแต่การไปนั่งเฝ้าติดตาม สังเกตการณ์ด้วยตัวเอง หรือใช้การสังเกตผ่านอุปกรณ์ เช่น กล้องวงจรปิด หรือมีเทคโนโลยีมาช่วย เป็นต้น วิธีนี้จะทำให้เราได้ข้อมูลจริงมากที่สุด แต่ต้องอาศัยระยะเวลาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการ   3. สำรวจตลาดและวิเคราะห์คู่แข่ง หากเรารู้แล้วว่าธุรกิจของเราอยู่ในอุตสาหกรรมไหน เราควรระบุคู่แข่งของเรา แล้วนำไปวิเคระห์ เครื่องมือที่นิยมใช้กัน คือ Swot Analysis หรือ SWOT ย่อมาจาก Strength (จุดแข็ง), Weakness (จุดอ่อน), Opportunities (โอกาส) และ Threats (อุปสรรค) ใช้เพื่อประเมินสถานการณ์ในการทำธุรกิจทั้งภายในองค์กร และภายนอกองค์กร ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นจุดยืนและผลกระทบที่อื่นเกิดขึ้นได้  4. กำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด เมื่อมีข้อมูลที่ดีมีคุณภาพมากพอแล้ว เราควรกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด วางแผนงานปฏิบัติงานเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ถือเป็นกลยุทธ์เครื่องมือในการใช้แข่งขัน การใช้กำหนดส่วนประสมทางการตลาดให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และยังเป็นพื้นฐานในการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย  5. สรุปข้อมูลและผลลัพธ์ที่ได้จากการทำข้อ 1 – 4 จากทั้งหมดที่ผ่านมา ผู้ทำวิจัยตลาดหรือนักการตลาดจะมีข้อมูลพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย จนรู้ว่าจะเข้าถึงพวกเขายังไง รู้ว่าใครเป็นคู่แข่ง พวกเขาทำอะไรบ้าง คราวนี้ก็ได้เวลานำข้อมูลทั้งหมดมาทำเป็นรายงานที่ชัดเจน  ในรายงานควรพูดถึงเป้าหมายของการทำรายงาน ข้อมูลและที่มาของมัน และสรุปเชิงวิเคราะห์ข้อมูลที่หาได้ทั้งหมด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการทำวิจัยตลาดเพื่อทราบถึงธุรกิจโดยรวมหรือใช้ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ก็ทำรายงานออกมาด้วยหัวข้อแบบเดียวกันที่ว่านี้ หรือสามารถเพิ่มเติมหัวข้อได้ตามความต้องการของการทำวิจัย  ----------------------------------------------------------------------------------- สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด  | รับสร้างแบรนด์  | รับทำการตลาดออนไลน์  | รับทำแผนการตลาดออนไลน์  | รับสร้างแบรนด์  | รับดูแล Facebook แฟนเพจ  | รับดูแล LINE OA    สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง   รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์ >> https://www.chatstickmarket.com/langran  ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้ >>https://www.chatstickmarket.com/portfolio  ------------------------------------------------------------------------------------  💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙 📱Tel : 0840104252 📱0947805680 สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์) 📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH  ┏━━━━━━━━━┓ 📲 LINE: @chatstick ┗━━━━━━━━━┛ หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM  🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran  🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

📣5 ขั้นตอน วิจัยการตลาด ใช้ได้กับธุรกิจทุกกลุ่ม


เมื่อเจ้าของธุรกิจ ต้องการที่จะขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดให้ลึกลงไปกว่าเดิม การสร้างแผนธุรกิจ จึงเป็นบันไดที่นำไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งส่วนประกอบของแผนธุรกิจที่มีประสิทธิผลนั้น ขึ้นอยู่กับหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง และนี่คือ 5 ขั้นตอน ที่จะพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดของคุณให้บรรลุเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี


📌วิจัยตลาด คืออะไร?

การวิจัยตลาด เป็นวิธีที่สามารถตอบคำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับสภาพของอุตสาหกรรมได้ แต่การได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าที่เราจะสามารถวางใจได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นนักวิจัยตลาดอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือนในการเก็บข้อมูล และสำรวจข้อมูล เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด


วิจัยตลาด (Market research) เป็นกระบวนการในการตรวจสอบผู้ซื้อ ว่าผลิตภัณฑ์ที่ผู้ซื้อเหล่านี้ต้องการคืออะไร และสถานที่ที่พวกเขามักซื้อผลิตภัณฑ์ และบริการคือที่ไหน ซึ่งการมีส่วนร่วม และการเก็บข้อมูลกับคนที่ถูกต้อง ทำให้ธุรกิจสามารถใช้งานวิจัยนี้ เพื่อวางตำแหน่งตัวเองในตลาด และทำนายว่าตลาดใดจะไปได้ดีในอนาคต


เพื่อให้คุณได้ทราบข้อมูลเชิงลึกในการวิจัยตลาดมากยิ่งขึ้น คุณต้องพิจารณาว่าคุณจะใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ หรือเชิงปริมาณ ซึ่งขึ้นอยู่กับการศึกษาที่คุณดำเนินการ และสิ่งที่คุณพยายามเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ โดยการวิจัยเชิงคุณภาพจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความคิดเห็นของสาธารณชน และสำรวจตลาดว่าผู้บริโภครู้สึกอย่างไรกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดนั้น ๆ ส่วนการวิจัยเชิงปริมาณจะเกี่ยวข้องกับข้อมูล และการค้นหาแนวโน้มที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกรวบรวมจากสาธารณะเช่นกัน


📌วิจัยปฐมภูมิ วิจัยทุติยภูมิ คืออะไร ต่างกันอย่างไร?

วิจัยตลาด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ วิจัยปฐมภูมิ และวิจัยทุติยภูมิ


1. วิจัยปฐมภูมิ

วิจัยขั้นต้น คือ การศึกษาผู้ที่เป็นลูกค้าของธุรกิจโดยตรง วิธีการวิจัยที่ใช้ก็เช่น การสัมภาษณ์แบบกลุ่มหรือเชิญคนมาจำนวนหนึ่งให้ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่างหนึ่ง (Focus group), การสัมภาษณ์เดี่ยวด้วยคำถามแบบแสดงความเห็น (Open-ended conversation) และการทำแบบสอบถามด้วยคำถามเฉพาะเจาะจง วิจัยประเภทนี้จะดีมากกับการสร้างกลุ่มผู้ซื้อสินค้า/บริการของบริษัท (Persona) หรือกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

2. วิจัยทุติยภูมิ

วิจัยขั้นรองหรือขั้นที่ 2 คือ การรวบรวมข้อมูลการสำรวจ แบบสอบถามและการตลาดอื่นๆ ที่ไม่ได้ทำเองมาวิเคราะห์ ข้อมูลที่ว่านี้อาจจะรวมถึงบันทึกสถิติต่างๆ ก็ได้ เช่น รายงานแนวโน้มหรือบทความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ สถิติการตลาด เป็นต้น สามารถหาได้ทั่วไป เช่น สภาอุตสาหกรรม หอการค้าไทย สำนักวิเคราะห์ธุรกิจจากต่างประเทศ หรือเอเจนซี่การตลาดใหญ่ๆ ก็มักทำรายงานวิเคราะห์การตลาดขของอุตสาหกรรมธุรกิจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนมากเป็นรายปี รวมถึงข้อมูลฟีดแบ็กธุรกิจของเรา เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียของบริษัท ก็ใช้ได้เช่นกัน


📌5 ขั้นตอน วิจัยตลาด ใช้ได้กับธุรกิจทุกกลุ่ม

คำถามแรกที่ผู้ทำธุรกิจควรถามตัวเอง คือ ลูกค้าของเราเป็นใคร เราจะขายสินค้าให้ใคร เพราะมันจะเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถทำให้เรารับรู้ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนั้นๆได้ และสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้ในทันที ซึ่งเป็นพื้นฐานของการกำหนดส่วนประสมทางการตลาดอย่าง Product, Price, Place, Promotion ให้กับธุรกิจ


1. การระบุกลุ่มเป้าหมาย

สามารถทำได้โดยกำหนด “Customer Segment” โดยส่วนมากจะกำหนดด้วย เพศ อายุ รายได้ อาชีพ การศึกษา ที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นการกำหนดเป็นกลุ่มใหญ่ๆ และนำ Customer Segment นั้นมาแบ่งแยกย่อยอีกครั้งเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น ด้วยการเลือกจากความสนใจหรือพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย


ยกตัวอย่างเช่น สินค้าคุชชั่นคุมมัน กลุ่มเป้าหมายอายุ 18-30 ปี มีรายได้ 15,000-20,000 ต่อเดือน อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และสโคปให้ชัดเจนขึ้นได้ด้วย ความสนใจชอบแต่งหน้า ชอบเครื่องสำอางค์ และพฤติกรรมเช่นชอปปิ้งออนไลน์เวลา 19.00-22.00 น. เป็นต้น


หรือถ้าหากเป็นธุรกิจที่มีกลุ่มเป้าหมายแบบ Niche หรืออยากจะได้เป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น สามารถนำ Segment นี้มาระบุเจาะจงได้มากขึ้น ด้วยการใช้เครื่องมือ “Buyer Persona” หรือ “Customer Persona” เพื่อทำให้เราสามารถตอบสนองต่อลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น


2. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมาย

เมื่อเรากำหนดกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว ควรทำการสุ่มเก็บข้อมูลเพื่อช่วยให้เราเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย และรู้ Insight ของลูกค้าได้มากขึ้นได้มากขึ้น วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลสามารถทำได้ ดังนี้


– การทำแบบสอบถาม เป็นการเก็บข้อมูลแบบพื้นฐาน เพื่อช่วยให้เราหาคนที่เป็นเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการออกแบบแบบสอบถามเพื่อให้ได้ตามจุดประสงค์ที่เราตั้งไว้เท่านั้น


– การสัมภาษณ์ สามารถทำการสุ่มสอบถามจากบุคคลที่ทำการตอบแบบสอบถาม, บุคคลที่มีลักษณะคล้าย Persona ที่กำหนดไว้, หรือฐานลูกค้าที่มีอยู่ เพื่อทำการพูดคุยเพื่อให้แสดงความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์หรืออุตสาหกรรมนั้นๆ การจะทำการสำภาษณ์เพื่อให้ได้ข้อมูล Insight จริงๆนั้นควรทำด้วยการใช้ “Why Why Analysis” คือ การถามไปเรื่อยๆด้วยคำว่าทำไม เช่น ทำไมถึงใช้คุชชั่น แล้วทำไมถึงใช้แบบคุมมัน แล้วทำไมถึงหน้ามัน แบบนี้ไปเรื่อยๆก็จะทำให้สามารถเก็บข้อมูลในเชิงลึกได้มากขึ้น


– การสังเกตผู้บริโภคในบริบทชีวิตประจำวันหรือสถานการณ์จริง วิธีการสังเกตก็สามารถทำได้หลายแบบ ตั้งแต่การไปนั่งเฝ้าติดตาม สังเกตการณ์ด้วยตัวเอง หรือใช้การสังเกตผ่านอุปกรณ์ เช่น กล้องวงจรปิด หรือมีเทคโนโลยีมาช่วย เป็นต้น วิธีนี้จะทำให้เราได้ข้อมูลจริงมากที่สุด แต่ต้องอาศัยระยะเวลาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการ

3. สำรวจตลาดและวิเคราะห์คู่แข่ง

หากเรารู้แล้วว่าธุรกิจของเราอยู่ในอุตสาหกรรมไหน เราควรระบุคู่แข่งของเรา แล้วนำไปวิเคระห์ เครื่องมือที่นิยมใช้กัน คือ Swot Analysis หรือ SWOT ย่อมาจาก Strength (จุดแข็ง), Weakness (จุดอ่อน), Opportunities (โอกาส) และ Threats (อุปสรรค) ใช้เพื่อประเมินสถานการณ์ในการทำธุรกิจทั้งภายในองค์กร และภายนอกองค์กร ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นจุดยืนและผลกระทบที่อื่นเกิดขึ้นได้


4. กำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด

เมื่อมีข้อมูลที่ดีมีคุณภาพมากพอแล้ว เราควรกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด วางแผนงานปฏิบัติงานเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ถือเป็นกลยุทธ์เครื่องมือในการใช้แข่งขัน การใช้กำหนดส่วนประสมทางการตลาดให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และยังเป็นพื้นฐานในการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย


5. สรุปข้อมูลและผลลัพธ์ที่ได้จากการทำข้อ 1 – 4

จากทั้งหมดที่ผ่านมา ผู้ทำวิจัยตลาดหรือนักการตลาดจะมีข้อมูลพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย จนรู้ว่าจะเข้าถึงพวกเขายังไง รู้ว่าใครเป็นคู่แข่ง พวกเขาทำอะไรบ้าง คราวนี้ก็ได้เวลานำข้อมูลทั้งหมดมาทำเป็นรายงานที่ชัดเจน


ในรายงานควรพูดถึงเป้าหมายของการทำรายงาน ข้อมูลและที่มาของมัน และสรุปเชิงวิเคราะห์ข้อมูลที่หาได้ทั้งหมด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการทำวิจัยตลาดเพื่อทราบถึงธุรกิจโดยรวมหรือใช้ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ก็ทำรายงานออกมาด้วยหัวข้อแบบเดียวกันที่ว่านี้ หรือสามารถเพิ่มเติมหัวข้อได้ตามความต้องการของการทำวิจัย


-----------------------------------------------------------------------------------

สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์

ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้

------------------------------------------------------------------------------------


💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙

📱Tel : 0840104252 📱0947805680

สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)

┏━━━━━━━━━┓

📲 LINE: @chatstick

┗━━━━━━━━━┛

หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM

🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran

🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

แท็ก:

ดู 1,204 ครั้ง

Comments


CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม2_2.png
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม3.png
Recent Posts
c24f0332fa3b87f8a304140403b893510_64100212_210625.jpg
244712625_300456528129611_2152723951836713111_n.jpg
5.png
4.png
Button Event สติกเกอร์.png
2.png
Button ChatStick Market.png
bottom of page