9 ขั้นตอนการขายของออนไลน์ให้ปังรวย✨แซงคู่แข็ง
9 ขั้นตอนการขายของออนไลน์ให้ปังรวย✨แซงคู่แข็ง
นาทีนี้เทรนด์ธุรกิจที่กำลังมาแรงคงหนีไม่พ้นการ ขายของออนไลน์ แน่นอน โดยเฉพาะหลังจากผ่านช่วงวิกฤตโควิด-19 มีธุรกิจหลายเจ้าที่ผันตัวมาทำออนไลน์กันมากขึ้น
การที่ลูกค้าสามารถเข้าหาข้อมูลออนไลน์ได้เยอะขึ้น เท่ากับว่าคู่แข่งของทุกธุรกิจก็เยอะขึ้น ธุรกิจสมัยก่อนที่เอาแต่อาศัยลูกค้าเก่า ลูกค้าประจำ หรือลูกค้าที่จำเป็นต้องซื้อเพราะไม่มีตัวเลือก ก็ไม่สามารถพึ่งพากลุ่มลูกค้าพวกนี้ได้อีกต่อไป
แต่การจะทำให้ร้านค้าของเราแจ้งเกิดบนโลกออนไลน์ได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน มีทั้งคนที่ทำแล้วรุ่ง และคนที่ทำแล้วร่วง หากคุณอยากให้ร้านค้าของคุณประสบความสำเร็จ นี่คือ 9 ขั้นตอน ขายของออนไลน์ ที่คุณต้องรู้
1. กำหนดแผนธุรกิจของคุณ
คุณไม่สามารถมุ่งไปสู่การขายสินค้าออนไลน์ได้จนกว่าคุณจะมีการจัดทำแผนธุรกิจ ที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าการดำเนินงานในอนาคตของคุณจะเป็นไปอย่างมีแบบแผนตรงตามเป้าหมาย และมีประสิทธิภาพมากพอในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่อาจจะพบเจอได้ในอนาคตระหว่างการดำเนินธุรกิจอยู่
การกำหนดแผนธุรกิจมีความสำคัญ และเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจโดยตรงไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของเงินทุน ราคาของสินค้า กลยุทธ์ที่จะใช้ในการดำเนินธุรกิจ แผนการตลาด
2. คิดให้แตกต่าง
ในการขายสินค้าออนไลน์สิ่งที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้คือคู่แข่งขันที่จะมีรูปแบบของสินค้าคล้าย ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำให้ได้คือการคิดให้แตกต่างเพื่อสร้างจุดยืนที่โดดเด่นที่จะทำให้ลูกค้าสนใจในตัวสินค้าของคุณ การคิดให้แตกต่างสิ่งแรกที่คุณควรทำคือสำรวจคู่แข่งขันของคุณว่าพวกเขากำลังทำอะไร เพื่อหาจุดบกพร่องที่สามารถนำมาสร้างความแตกต่างได้ในอนาคต
3. เลือกสินค้าที่จะขาย
อย่างแรกเลยว่าที่เจ้าของกิจการออนไลน์คนใหม่ต้องทำก็คือ การเลือกของหรือสินค้าที่จะมาขาย เพราะถ้าคุณยังคิดไม่ออกว่าจะขายสินค้าอะไรดี ร้านค้าออนไลน์ที่คุณฝันเอาไว้ก็คงจะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องเลือกสินค้าที่จะนำมาขายก่อนเลย แต่ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะขายอะไร ก็ขอแนะนำให้เลือกสินค้าที่คุณมีความรู้ มีความสนใจจะดีกว่า เพราะหากลูกค้าเกิดมีข้อสงสัยในสินค้าชนิดนั้นๆ คุณก็จะสามารถตอบคำถามได้อย่างกระจ่างนั่นเอง
4. ทดสอบเสียงตอบรับของสินค้า
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจว่าจะลงทุนลงแรงกับสินค้าประเภทใด การทดสอบเสียงตอบรับบนร้านค้าออนไลน์อย่าง eBay shopee หรือ Lazada เพื่อตรวจสอบเสียงตอบรับจากกลุ่มลูกค้าออนไลน์เหล้านี้ดู ว่าสินค้าของคุณน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน หลังจากซื้อไปแล้วพึงพอใจหรือไม่ หากออกมาไม่ดีคุณก็สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ทันที วิธีนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นวิธีการทดสอบน่านน้ำ ก่อนออกรบก็ว่าได้
5. เลือกชื่อโดเมน
เมื่อมีแผนงาน และสินค้าที่เหมาะสมในการทำธุรกิจออนไลน์ของคุณแล้ว ต่อมาหากคุณต้องการเปิดเว็บไซต์เพื่อขายสินค้า หรือประชาสัมพันธ์ ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการเลือกชื่อ หรือตั้งชื่อโดเมนที่จะทำให้ผู้ค้นหาพบเจอกับเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายๆ ชื่อโดเมนนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นชื่อของสินค้า อาจเป็นชื่อของแบรนด์ก็ได้
6. เลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะขายสินค้าที่ไหน ต่อไปก็มาดูเรื่องของทำเลที่ตั้งร้านกันบ้าง เพราะทำเลที่ตั้งร้านก็มีผลต่อยอดขายได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการขายสินค้าประเภทแฟชั่น แต่เลือกทำเลเป็นตลาดสด อันนี้ก็ไม่น่าจะเหมาะ เพราะคนซื้อและตัวสินค้าน่าจะเป็นคนละทาร์เก็ตกัน ซึ่งการขายสินค้าออนไลน์ก็เช่นเดียวกัน หากคุณยังไม่มีเว็บไซต์ร้านเป็นของตัวเอง การนำสินค้าไปฝากขายตามเว็บขายสินค้าใหญ่ๆ อย่างเช่น ebay, amazon ฯลฯ ก็ควรจะเลือกหมวดสินค้าของตัวเองให้ถูกต้องด้วย
7. การเลือกคำโฆษณาประชาสัมพันธ์
ณ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าสินค้าที่จะขายคืออะไร และเลือกที่ตั้งร้านได้แล้ว ต่อไปก็มาถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์บ้าง เพราะหากเรามีการโฆษณาที่ดี ก็จะช่วยทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักจากคนภายนอกมากขึ้น และสามารถขายสินค้าได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ เพราะฉะนั้นการเขียนคำโฆษณาประชาสัมพันธ์จึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักที่สำคัญ ซึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ จะเขียนอย่างไรให้ออกมาน่าสนใจและสะดุดตาคนอ่านมากที่สุด รวมถึงประโยชน์ของสินค้านั้นๆ ให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว้าว แต่ต้องไม่เกินจริงจนดูไม่น่าเชื่อถือ
8. การเลือกวิธีชำระเงิน
แม้ว่าข้อนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับขั้นตอนของการขาย เพราะถือว่าการขายได้เสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ขั้นตอนนี้กลับมีความสำคัญที่คุณจะละเลยเสียไม่ได้ ทั้งนี้โดยส่วนใหญ่แล้วร้านค้าออนไลน์ทั่วไปในประเทศไทย จะใช้วิธีการโอนเงิน แล้วให้ลูกค้าส่งสลิปเพื่อยืนยันการโอนมายังไลน์ อีเมล หรือในเฟสบุ๊ค เพราะระบบการชำระเงินออนไลน์ที่ยังไม่ครอบคลุมมากนัก แต่การโอนเงินก็เป็นวิธีที่หลายคนมองว่าค่อนข้างช้า และยังเสียเวลาเดินทางไปที่แบงก์อีก เพราะหากโอนต่างสาขาก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมโดยไม่จำเป็น ในกรณีที่ไม่ได้มีบัญชีธนาคารเดียวกับร้านค้า ทำให้บางร้านเลือกที่จะใช้การจ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือผ่าน Paypal ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางแก้ปัญหาที่ดี เพราะทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการชำระเงินเพิ่มมากขึ้น และสะดวกมากขึ้น
9. การเลือกวิธีส่งสินค้า
ขั้นตอนสุดท้ายของการขายออนไลน์ ก็คือการเลือกวิธีการส่งสินค้าอย่างไรให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้องแม่นยำ ซึ่งหากคุณไม่อยากยุ่งยากวุ่นวายในการจัดการ ก็สามารถเลือกใช้วิธี Dropship ได้ แต่ถ้าอยากจัดการด้วยตัวเอง ก็อาจจะต้องมาเลือกว่าจะใช้บริการของเจ้าไหนดี ซึ่งปัจจุบันนอกจากการส่งผ่านไปรษณีย์ไทยแล้ว ก็มีอีกหลากหลายบริษัทให้เลือกใช้ ซึ่งอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของทั้งตัวคุณและลูกค้าเอง ว่าจะชอบหรือสะดวกแบบไหน
-----------------------------------------------------------------------------------
สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์
ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้
------------------------------------------------------------------------------------
💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙
📱Tel : 0840104252 📱0947805680
สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)
📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH
┏━━━━━━━━━┓
📲 LINE: @chatstick
┗━━━━━━━━━┛
หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM
🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran
🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio
Comentarios