top of page

AI ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน


AI ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน  ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจทวีความเข้มข้นและความต้องการของลูกค้ามีความซับซ้อนมากขึ้น การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ซึ่ง AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ถือเป็นเทคโนโลยีที่กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การวางแผนความต้องการ การจัดหาวัตถุดิบและสินค้า การผลิตและการจัดส่ง ไปจนถึงการบริการหลังการขาย ด้วยความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง AI จะช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์ความต้องการ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น  ทีมงาน ChatStick ได้รวบรวมกรณีศึกษาที่น่าสนใจของการประยุกต์ใช้ AI ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ดังนี้  1. การพยากรณ์ความต้องการและการวางแผนสินค้าคงคลัง (Demand Forecasting & Inventory Planning): AI ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการในอดีต ร่วมกับปัจจัยภายนอกอื่นๆ เช่น สภาพเศรษฐกิจ สภาพอากาศ กระแสนิยม และกิจกรรมทางการตลาด เพื่อคาดการณ์ความต้องการสินค้าในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทำให้ธุรกิจสามารถวางแผนการผลิต การสั่งซื้อวัตถุดิบ และการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างเหมาะสม ลดปัญหาสินค้าขาดแคลนหรือมีมากเกินไป ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า  2. การหาแหล่งวัตถุดิบและการจัดซื้ออัตโนมัติ (Supplier Sourcing & Automated Procurement): AI ถูกนำมาใช้ในการสแกนและวิเคราะห์ข้อมูลของซัพพลายเออร์จำนวนมาก ทั้งด้านราคา คุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และความสามารถในการส่งมอบ เพื่อคัดเลือกซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละรายการสั่งซื้อ พร้อมทั้งเจรจาต่อรองราคาและเงื่อนไขการชำระเงินแบบอัตโนมัติ ช่วยลดเวลาและขั้นตอนในการจัดซื้อ ขณะที่ยังรักษาคุณภาพและต้นทุนที่ดีที่สุด  3. การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบำรุงรักษา (Production Optimization & Predictive Maintenance): AI ถูกนำมาใช้ร่วมกับข้อมูลจากเซนเซอร์และระบบอัตโนมัติในโรงงาน เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์ ทั้งการปรับเวลาและลำดับการผลิตให้เหมาะสม การลดความสูญเปล่าและของเสีย รวมถึงการคาดการณ์การชำรุดของเครื่องจักรล่วงหน้าเพื่อวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน ช่วยเพิ่มผลผลิต คุณภาพ และเวลาการทำงานของเครื่องจักรได้อย่างมาก  4. การวางแผนขนส่งและการจัดส่งอัจฉริยะ (Transportation Planning & Smart Logistics): AI ถูกนำมาใช้ในการหาเส้นทางการขนส่งและการจัดส่งที่เหมาะสมที่สุด โดยพิจารณาจากข้อมูลพิกัด ปริมาณสินค้า กำหนดการส่งมอบ สภาพการจราจร และข้อจำกัดอื่นๆ ทั้งหมดแบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งเชื่อมโยงกับระบบติดตามยานพาหนะและการสื่อสารกับพนักงานขับรถ เพื่อปรับเปลี่ยนแผนให้ทันต่อสถานการณ์ ช่วยลดระยะทาง เวลา และต้นทุนการขนส่ง ในขณะที่ยังรักษาความตรงต่อเวลาในการจัดส่งให้กับลูกค้า  5. การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าและการพยากรณ์อุปสงค์ (Customer Relationship Management & Demand Sensing): AI ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ทั้งจากร้านค้าออฟไลน์และออนไลน์ ร่วมกับข้อมูลความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย เพื่อทำความเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ช่วยให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มความต้องการได้ล่วงหน้า รวมถึงปรับกลยุทธ์การตลาดและโปรโมชั่นให้ตรงใจและทันต่อเหตุการณ์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายและเพิ่มความภักดีของลูกค้าต่อแบรนด์ในระยะยาว  สำหรับธุรกิจ SME ที่ต้องการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในยุคดิจิทัล การนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI มาใช้ในการพยากรณ์ความต้องการและวางแผนการผลิต เพื่อลดความเสี่ยงจากสินค้าล้าสมัยหรือขาดแคลน การปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อและต่อรองราคากับซัพพลายเออร์ เพื่อควบคุมต้นทุนและรักษาคุณภาพ ไปจนถึงการใช้ AI ในการวางแผนขนส่งและติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้  นอกจากการสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงานแล้ว การใช้ AI ในการบริหารห่วงโซ่อุปทานยังเป็นโอกาสให้ SME สร้างการรับรู้และภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมให้กับแบรนด์ ผ่านการสื่อสารการตลาดที่เน้นจุดแข็งในการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าและการบริการ ตลอดจนการดูแลลูกค้าแบบใกล้ชิดและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ความพึงพอใจ และความภักดีจากลูกค้า ก่อให้เกิดการบอกต่อและขยายฐานลูกค้าได้อย่างยั่งยืน  ทีมงาน ChatStick มีข้อแนะนำสำหรับ SME ที่อยากเริ่มต้นปรับใช้ AI ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ดังนี้  - ทบทวนและปรับปรุงระบบฐานข้อมูลของธุรกิจให้มีคุณภาพและเป็นปัจจุบัน เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการนำ AI ไปวิเคราะห์และใช้งาน  - กำหนดเป้าหมายและขอบเขตของการนำ AI ไปใช้ให้ชัดเจน โดยเลือกจุดที่จะสร้างคุณค่าหรือแก้ปัญหาได้มากที่สุดก่อน แล้วค่อยขยายผลในภายหลัง  - สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรหรือผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ในการพัฒนาและปรับใช้ระบบให้เหมาะสมกับบริบทของธุรกิจ  - ลงทุนในการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะและความเข้าใจในการทำงานร่วมกับ AI พร้อมทั้งปรับวัฒนธรรมองค์กรให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง  - ใช้ความสามารถของ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก มากำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารแบรนด์ที่เฉพาะเจาะจงและรวดเร็วมากขึ้น  อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ในการบริหารห่วงโซ่อุปทาน ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องคำนึงถึง เช่น การปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลที่มีความอ่อนไหวทางธุรกิจ การรักษาสมดุลระหว่างการตัดสินใจโดยอัลกอริทึมกับดุลยพินิจของมนุษย์ ความโปร่งใสและการอธิบายได้ของระบบ AI ที่ใช้ รวมถึงผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นกับแรงงานในบางส่วนของห่วงโซ่อุปทาน ดังนั้น จึงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบด้านและวางแผนบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ในการนำ AI มาปรับใช้ในองค์กร  ท้ายที่สุดนี้ ทีมงาน ChatStick มองว่าในอนาคตอันใกล้ AI จะเป็นเทคโนโลยีกระแสหลักที่ขับเคลื่อนการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานยุคใหม่ ด้วยการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ระหว่างผู้เล่นในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบ โรงงานผลิต ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ไปจนถึงร้านค้าและผู้บริโภค เพื่อให้เกิดการประสานงานและตัดสินใจร่วมกันบนพื้นฐานของข้อมูลเดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดความไม่แน่นอน เพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างทันท่วงที ธุรกิจที่สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ในการผนวกรวมห่วงโซ่อุปทานเข้ากับระบบนิเวศทางธุรกิจได้อย่างลงตัว จะสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ในโลกยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบในอนาคต  #AIพยากรณ์อุปสงค์แม่นยำชนิดหยั่งรู้อนาคต  #AIเสกซัพพลายเชนให้ลื่นไหลชนิดไร้รอยต่อ  #AIปฏิวัติกระบวนการผลิตให้เหนือชั้นกว่าใคร  #AIพลิกโฉมการขนส่งและจัดส่งแบบจอมประสิทธิภาพ  #AIเปิดกลยุทธ์การตลาดและบริการลูกค้าเหนือระดับ  #SMEปักหมุดความเป็นผู้นำด้วยนวัตกรรมAI  #ห่วงโซ่คุณค่ายุคใหม่ที่ผูกพันด้วยพลังของAI  -----------------------------------------------------------------------------------  สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด  | รับสร้างแบรนด์  | รับทำการตลาดออนไลน์  | รับทำแผนการตลาดออนไลน์  | รับสร้างแบรนด์  | รับดูแล Facebook แฟนเพจ  | รับดูแล LINE OA    สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง     รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์  >> https://www.chatstickmarket.com/langran   ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้  >> https://www.chatstickmarket.com/portfolio   ------------------------------------------------------------------------------------  💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙  📱Tel : 0840104252 📱0947805680  📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH   ┏━━━━━━━━━┓  📲 LINE: @chatstick  ┗━━━━━━━━━┛  หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM   🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran   🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

AI ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน


ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจทวีความเข้มข้นและความต้องการของลูกค้ามีความซับซ้อนมากขึ้น การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ซึ่ง AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ถือเป็นเทคโนโลยีที่กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การวางแผนความต้องการ การจัดหาวัตถุดิบและสินค้า การผลิตและการจัดส่ง ไปจนถึงการบริการหลังการขาย ด้วยความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง AI จะช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์ความต้องการ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น


ทีมงาน ChatStick ได้รวบรวมกรณีศึกษาที่น่าสนใจของการประยุกต์ใช้ AI ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ดังนี้


1. การพยากรณ์ความต้องการและการวางแผนสินค้าคงคลัง (Demand Forecasting & Inventory Planning): AI ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการในอดีต ร่วมกับปัจจัยภายนอกอื่นๆ เช่น สภาพเศรษฐกิจ สภาพอากาศ กระแสนิยม และกิจกรรมทางการตลาด เพื่อคาดการณ์ความต้องการสินค้าในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทำให้ธุรกิจสามารถวางแผนการผลิต การสั่งซื้อวัตถุดิบ และการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างเหมาะสม ลดปัญหาสินค้าขาดแคลนหรือมีมากเกินไป ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า


2. การหาแหล่งวัตถุดิบและการจัดซื้ออัตโนมัติ (Supplier Sourcing & Automated Procurement): AI ถูกนำมาใช้ในการสแกนและวิเคราะห์ข้อมูลของซัพพลายเออร์จำนวนมาก ทั้งด้านราคา คุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และความสามารถในการส่งมอบ เพื่อคัดเลือกซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละรายการสั่งซื้อ พร้อมทั้งเจรจาต่อรองราคาและเงื่อนไขการชำระเงินแบบอัตโนมัติ ช่วยลดเวลาและขั้นตอนในการจัดซื้อ ขณะที่ยังรักษาคุณภาพและต้นทุนที่ดีที่สุด


3. การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบำรุงรักษา (Production Optimization & Predictive Maintenance): AI ถูกนำมาใช้ร่วมกับข้อมูลจากเซนเซอร์และระบบอัตโนมัติในโรงงาน เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์ ทั้งการปรับเวลาและลำดับการผลิตให้เหมาะสม การลดความสูญเปล่าและของเสีย รวมถึงการคาดการณ์การชำรุดของเครื่องจักรล่วงหน้าเพื่อวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน ช่วยเพิ่มผลผลิต คุณภาพ และเวลาการทำงานของเครื่องจักรได้อย่างมาก


4. การวางแผนขนส่งและการจัดส่งอัจฉริยะ (Transportation Planning & Smart Logistics): AI ถูกนำมาใช้ในการหาเส้นทางการขนส่งและการจัดส่งที่เหมาะสมที่สุด โดยพิจารณาจากข้อมูลพิกัด ปริมาณสินค้า กำหนดการส่งมอบ สภาพการจราจร และข้อจำกัดอื่นๆ ทั้งหมดแบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งเชื่อมโยงกับระบบติดตามยานพาหนะและการสื่อสารกับพนักงานขับรถ เพื่อปรับเปลี่ยนแผนให้ทันต่อสถานการณ์ ช่วยลดระยะทาง เวลา และต้นทุนการขนส่ง ในขณะที่ยังรักษาความตรงต่อเวลาในการจัดส่งให้กับลูกค้า


5. การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าและการพยากรณ์อุปสงค์ (Customer Relationship Management & Demand Sensing): AI ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ทั้งจากร้านค้าออฟไลน์และออนไลน์ ร่วมกับข้อมูลความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย เพื่อทำความเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ช่วยให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มความต้องการได้ล่วงหน้า รวมถึงปรับกลยุทธ์การตลาดและโปรโมชั่นให้ตรงใจและทันต่อเหตุการณ์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายและเพิ่มความภักดีของลูกค้าต่อแบรนด์ในระยะยาว


สำหรับธุรกิจ SME ที่ต้องการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในยุคดิจิทัล การนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI มาใช้ในการพยากรณ์ความต้องการและวางแผนการผลิต เพื่อลดความเสี่ยงจากสินค้าล้าสมัยหรือขาดแคลน การปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อและต่อรองราคากับซัพพลายเออร์ เพื่อควบคุมต้นทุนและรักษาคุณภาพ ไปจนถึงการใช้ AI ในการวางแผนขนส่งและติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้


นอกจากการสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงานแล้ว การใช้ AI ในการบริหารห่วงโซ่อุปทานยังเป็นโอกาสให้ SME สร้างการรับรู้และภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมให้กับแบรนด์ ผ่านการสื่อสารการตลาดที่เน้นจุดแข็งในการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าและการบริการ ตลอดจนการดูแลลูกค้าแบบใกล้ชิดและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ความพึงพอใจ และความภักดีจากลูกค้า ก่อให้เกิดการบอกต่อและขยายฐานลูกค้าได้อย่างยั่งยืน


ทีมงาน ChatStick มีข้อแนะนำสำหรับ SME ที่อยากเริ่มต้นปรับใช้ AI ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ดังนี้

- ทบทวนและปรับปรุงระบบฐานข้อมูลของธุรกิจให้มีคุณภาพและเป็นปัจจุบัน เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการนำ AI ไปวิเคราะห์และใช้งาน

- กำหนดเป้าหมายและขอบเขตของการนำ AI ไปใช้ให้ชัดเจน โดยเลือกจุดที่จะสร้างคุณค่าหรือแก้ปัญหาได้มากที่สุดก่อน แล้วค่อยขยายผลในภายหลัง

- สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรหรือผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ในการพัฒนาและปรับใช้ระบบให้เหมาะสมกับบริบทของธุรกิจ

- ลงทุนในการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะและความเข้าใจในการทำงานร่วมกับ AI พร้อมทั้งปรับวัฒนธรรมองค์กรให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

- ใช้ความสามารถของ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก มากำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารแบรนด์ที่เฉพาะเจาะจงและรวดเร็วมากขึ้น


อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ในการบริหารห่วงโซ่อุปทาน ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องคำนึงถึง เช่น การปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลที่มีความอ่อนไหวทางธุรกิจ การรักษาสมดุลระหว่างการตัดสินใจโดยอัลกอริทึมกับดุลยพินิจของมนุษย์ ความโปร่งใสและการอธิบายได้ของระบบ AI ที่ใช้ รวมถึงผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นกับแรงงานในบางส่วนของห่วงโซ่อุปทาน ดังนั้น จึงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบด้านและวางแผนบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ในการนำ AI มาปรับใช้ในองค์กร


ท้ายที่สุดนี้ ทีมงาน ChatStick มองว่าในอนาคตอันใกล้ AI จะเป็นเทคโนโลยีกระแสหลักที่ขับเคลื่อนการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานยุคใหม่ ด้วยการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ระหว่างผู้เล่นในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบ โรงงานผลิต ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ไปจนถึงร้านค้าและผู้บริโภค เพื่อให้เกิดการประสานงานและตัดสินใจร่วมกันบนพื้นฐานของข้อมูลเดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดความไม่แน่นอน เพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างทันท่วงที ธุรกิจที่สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ในการผนวกรวมห่วงโซ่อุปทานเข้ากับระบบนิเวศทางธุรกิจได้อย่างลงตัว จะสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ในโลกยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบในอนาคต


#AIพยากรณ์อุปสงค์แม่นยำชนิดหยั่งรู้อนาคต

#AIเสกซัพพลายเชนให้ลื่นไหลชนิดไร้รอยต่อ

#AIปฏิวัติกระบวนการผลิตให้เหนือชั้นกว่าใคร

#AIพลิกโฉมการขนส่งและจัดส่งแบบจอมประสิทธิภาพ

#AIเปิดกลยุทธ์การตลาดและบริการลูกค้าเหนือระดับ

#SMEปักหมุดความเป็นผู้นำด้วยนวัตกรรมAI

#ห่วงโซ่คุณค่ายุคใหม่ที่ผูกพันด้วยพลังของAI


-----------------------------------------------------------------------------------

สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์

ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้

------------------------------------------------------------------------------------


💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙

📱Tel : 0840104252 📱0947805680

┏━━━━━━━━━┓

📲 LINE: @chatstick

┗━━━━━━━━━┛

หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM

🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran

🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

แท็ก:

ดู 0 ครั้ง

Comments


CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม2_2.png
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม3.png
Recent Posts
c24f0332fa3b87f8a304140403b893510_64100212_210625.jpg
244712625_300456528129611_2152723951836713111_n.jpg
5.png
4.png
Button Event สติกเกอร์.png
2.png
Button ChatStick Market.png
bottom of page