ปัญหาติดแบล็คลิสต์ ปัญหาที่เหล่าผู้ถือบัตรเครดิตต้องรู้❗
ปัญหาติดแบล็คลิสต์ ปัญหาที่เหล่าผู้ถือบัตรเครดิตต้องรู้❗
การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องที่แย่ หากนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสมเหตุสมผล แต่อย่างที่รู้กันว่าวินัยทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการหนี้สิน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้หนี้สินบานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้ จากการขาดชำระครั้งแรก ตามมาด้วยครั้งที่สอง พร้อมกับการปลอบใจตัวเองว่าคราวหน้าต้องเคลียร์ให้ได้ แต่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ความเครียดเริ่มคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ไป ผลลัพธ์ที่สร้างความปวดใจที่สุดคือ ติดแบล็คลิสต์ นอกจากเสียโอกาสแล้วยังเสียเครดิตอีกด้วย แต่ทางออกย่อมมีเสมอ ต้องทำอย่างไรเพื่อจัดการกับปัญหานี้
📍ทำไมถึงติด แบล็คลิสต์
ที่บอกว่าเป็นจุดเสี่ยงที่ทางธนาคารจะไม่อนุมัติธุรกรรมทางการเงินให้กับคุณ เนื่องจากประวัติทางเงินของคุณติดลบ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการไม่ยอมชำระหนี้บัตรเครดิต แต่คุณอย่าคิดว่าคุณจะหนีพ้น เพราะข้อมูลของคุณจะถูกบันทึกในเครดิตบูโรหมดแล้ว
โดยปกติแล้วถ้าชำระหนี้ในระบบของสถาบันการเงิน ล่าช้าเกิน 90 วัน จะมีจดหมายแจ้งเตือนให้ชำระหนี้บัตรเครดิต แต่คุณยังเพิกเฉยอยู่ล่ะก็ คุณอาจติดแบล็คลิสต์ได้ ซึ่งการติดแบล็คลิสต์จะทำให้คุณไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงิน อย่างเช่น ทำบัตรเครดิตใบใหม่
📍ติดแบล็คลิสต์ เกิดจากอะไร ?
หากต้องผวากับการขู่ทวงหนี้ทางโทรศัพท์ที่แจ้งว่าคุณติดแบล็คลิสต์จากการไม่จ่ายหนี้ อย่าเพิ่งตกใจไปเพราะนั่นถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ให้รวบรวมสติแล้วทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า คำว่าแบล็คลิสต์ ไม่มีอยู่ในรายงานข้อมูลเครดิต แต่หมายถึงว่า บุคคลนั้นมีประวัติการชำระเงินที่ไม่เป็นไปตามปกติ เลยระยะเวลาที่กำหนด และค้างจ่ายนานหลายงวด ส่งผลให้เมื่อมีการขอสินเชื่อใหม่ แล้วไม่ได้รับอนุมัตินั้นมาจาก สถาบันการเงินเข้าไปตรวจสอบประวัติการชำระหนี้จากเครดิตบูโรภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกำหนด เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าสมควรอนุมัติการปล่อยสินเชื่อหรือทำบัตรเครดิตหรือไม่ หากในประวัติพบว่ามีการผิดนัดชำระอยู่บ่อยครั้ง นั่นแสดงให้เห็นถึงการขาดความน่าเชื่อถือ มีโอกาสสูงมากหากปล่อยสินเชื่อไปแล้วจะไม่ได้คืน
📍สิ่งที่ต้องเผชิญหลังจากติดแบล็คลิสต์ ?
ใช่ว่าจะไม่มีทางออกในการฟื้นฟูกู้เครดิตกลับคืนมา สิ่งที่ต้องทำคือ พยายามสะสางหนี้ที่มีอยู่ให้หมด เพราะทางเครดิตบูโรมีการเก็บประวัติย้อนหลังเป็นเวลา 36 เดือนจากงวดล่าสุด ในส่วนของรายงานเครดิตบูโรจะบันทึกตั้งแต่งวดแรกที่ผิดชำระ และจะแสดงผลว่าค้างชำระแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยมีกำหนดวันพ่วงเข้ามาด้วย และจะเพิ่มจำนวนวันขึ้นเรื่อยๆหากยังไม่มีการชำระหนี้เข้ามา เมื่อใดที่ชำระหนี้ก็จะไปหักลบกับหนี้ก้อนที่เก่าที่สุดก่อน และลดจำนวนวันลงตามหนี้แต่ละงวดที่ชำระเข้าไป หากมีการชดใช้หนี้ตรงเวลาก็จะเกิดการบันทึกประวัติใหม่แทนที่ประวัติเก่าที่เคยทำเสียไว้ เมื่อทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนครบ 3 ปี ประวัติเครดิตก็จะกลับมาน่าเชื่อถืออีกครั้ง
📍7 วิธีปลดล็อกแบลิสต์ไม่ยากอย่างที่คิด
1.สรุปรายการหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมด
ไม่ว่าจะมาจากสถาบันการเงินใด จำนวนหนี้และดอกเบี้ยเป็นเท่าไร ต้องชำระต่องวดเท่าไร จะได้จัดทำรายรับรายจ่ายส่วนตัวได้อย่างเหมาะสม ลองดูว่าหนี้ก้อนไหนที่จ่ายให้หมดไวได้ก็รีบเคลียร์ให้จบ และหนี้ที่คิดดอกเบี้ยแบบทบต้นทบดอกก็ควรจัดการโดยเร็วที่สุด
2.เจรจากับสถาบันการเงิน
ในการขอเพิ่มระยะเวลาในการใช้หนี้ เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างนี้เพราะสถาบันการเงินเองก็ไม่อยากให้หนี้ที่ก่อกลายเป็นหนี้เสีย
3.ทรัพย์สินบางอย่างที่สามารถขายได้ ก็ควรตัดใจขาย
เช่น รถยนต์ เพื่อจะได้มีเงินก้อนมาชำระหนี้ ถือเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายได้พอสมควร แม้แต่เงินก้อนไม่ว่าจะมาจากเงินโบนัส ค่าคอมมิชชั่น หรือทรัพย์สินอื่นๆที่เปลี่ยนมาเป็นเงินได้ จำไว้ว่าทุกอย่างสามารถหาใหม่ได้ สำคัญคือต้องไม่ทำให้เดือดร้อน
4.อย่าทำพลาดเป็นครั้งที่สอง
หากนี่คือโอกาสในการแก้ตัว ก็ควรที่จะทำให้ได้ตามที่รับปากไว้ ควรชำระหนี้ให้ตรงเวลา และเก็บเอกสารทั้งหมดไว้ เพราะสามารถนำไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ดู ในการขอสินเชื่อครั้งใหม่หลังจากที่พ้นแบล็คลิสต์ไปแล้ว
5.หยุดสร้างหนี้เพิ่ม
ทั้งที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้ หรือชำระหมดแล้ว ปล่อยสมองให้ผ่อนคลายบ้าง ลองทบทวนดูว่าที่ผ่านมาต้องเจอกับอะไรบ้าง
6.ตรวจสอบข้อมูลเครดิต
สามารถทำการตรวจสอบได้ที่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติหรือเครดิตบูโร เพื่อเป็นการอัพเดตข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งต้องรออย่างน้อย 3 ปีจึงจะสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อีกครั้ง
7.พยายามรักษาเครดิตเอาไว้
หลังจากจัดการกับปัญหาที่ค้างคาได้หมดสิ้น การรักษาเครดิตต่อจากนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ ในอนาคตอาจมีเรื่องที่ต้องยื่นขอสินเชื่อหรือทำบัตรเครดิตเพื่อใช้ในยามจำเป็น ส่วนบัตรเครดิตใดที่มีโอกาสสูงว่าจะก่อหนี้เพิ่มก็ควรปิดไป เหลือใช้เพียงแค่ไม่กี่ใบก็พอ
การชำระหนี้หลังจากที่ติดแบล็คลิสต์ไปแล้ว ถือเป็นบททดสอบสุดหินที่เหนื่อยพอสมควรกว่าจะฝ่าฟันไปได้ ไหนจะต้องหาเงินมาจ่ายหนี้ ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นรออยู่ การมีวินัยทางการเงิน รู้จักประหยัด และเก็บออม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ทุกการใช้จ่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อใดก็ตามที่สามารถระงับความอยากที่เกินความจำเป็นได้ เมื่อนั้นก็จะห่างไกลจากการเป็นหนี้ได้เช่นกัน
-----------------------------------------------------------------------------------
สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์
ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้
------------------------------------------------------------------------------------
💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙
📱Tel : 0840104252 📱0947805680
สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)
📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH
┏━━━━━━━━━┓
📲 LINE: @chatstick
┗━━━━━━━━━┛
หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM
🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran
🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio
Comentários