top of page

ธุรกิจออนไลน์ สร้างรายได้มหาศาล มาทำความรู้จักกับธุรกิจออนไลน์✨


ธุรกิจออนไลน์ สร้างรายได้มหาศาล มาทำความรู้จักกับธุรกิจออนไลน์✨  โลกปัจจุบันเป็นยุค 4.0 เทคโนโลยีเป็นเรื่องสำคัญ เช่นเดียวกับธุรกิจที่ในอดีต ใครสักคนคิดอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะหมายถึงต้องลงทุนด้วยเงินมหาศาล พร้อมรับความเสี่ยงขั้นสุด ไม่มีวันรู้ล่วงหน้าว่า ธุรกิจจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ถ้าไม่สำเร็จก็อาจหมายถึงต้นทุนหายไปด้วย ต่างกับยุคนี้ เทคโนโลยีนำหน้า ธุรกิจเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่มาพึ่งพาอาศัยโลกออนไลน์ มีการติดต่อสื่อสารผ่านทาง Internet การทำธุรกิจการค้าแบบเดิมๆ ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะสามารถที่จะทำการขายผ่านทางอินเทอร์เน็ต แถมใช้ต้นทุนต่ำและไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานมากมายเหมือนแต่ก่อน การทำธุรกิจออนไลน์จึงกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน  📍ธุรกิจออนไลน์คืออะไร การดำเนินกิจการบนพื้นฐานอาชีพ ที่จะทำให้เกิดรายได้ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค หากจะว่ากันตามกฎหมายที่ให้นิยามคำว่า “ธุรกิจ” ก็หมายรวมกิจการอาชีพเหล่านั้นว่า ไม่ว่าจะเป็น “กิจการในทางเกษตรกรรมอุตสาหกรรม หัตถกรรม พาณิชยกรรม การบริการ หรือกิจการอย่างอื่นเป็นการค้า” ล้วนอยู่ในกลุ่มนิยาม “ธุรกิจออนไลน์” ทั้งสิ้น แต่ถ้าเป็นความหมายที่เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ การประกอบอาชีพ ค้าขาย เพื่อก่อให้เกิดกำไรเป็นรายได้แบบอาชีพประจำ  การทำธุรกิจออนไลน์ คือ การค้าขายและให้บริการผ่านทางระบบออนไลน์ โดยมีเว็บไซต์เป็นสื่อกลาง ในปัจจุบันทั้งเว็บไซต์ที่ต้องลงทุนทำขึ้นมาเอง และเว็บไซต์ที่เปิดให้ทำการลงโฆษณาขายแบบฟรีๆ อย่างเช่น เว็บลงประกาศฟรี การทำธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันไม่ได้ทำขึ้นเพราะเป็นกระแส แต่เป็นการทำขึ้นโดยมองการณ์ไกล เพื่อการสร้างรายได้แบบระยะยาว และสามารถยึดเป็นอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวได้  📍องค์ประกอบของ“ธุรกิจออนไลน์” - มีกิจการปรากฏในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ส่วนตัว หรือชุมชนออนไลน์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ค เพจ อินสตาแกรม หรือบล็อกอื่นๆ ที่ให้บริการฟรี ในโลกออนไลน์ - มีการดำเนินกิจการ ไม่ว่าจะเป็นซื้อมาขายไป การรับจ้างบริการ การผลิต หรืออื่นๆ ที่มีการใช้เงินเป็นของแลกเปลี่ยน โดยที่ไม่ได้สัมผัสสินค้าหรือเห็นสินค้าจริงๆ อาจเห็นผ่านรูปถ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว - มีการติดต่อสื่อสารผ่านออนไลน์ การแชท การโทรศัพท์ หรืออื่นๆ ที่ไม่ได้มีการพบปะกันตรงๆ - มีตัวกลาง หรือ คนกลางที่ทำให้ธุรกิจการติดต่อซื้อขายบรรลุผลสำเร็จ เช่น กิจการไปรษณีย์ หรือธุรกิจขนส่งอื่นๆ มาเกี่ยวข้อง - มีการชำระเงินผ่านช่องทางอื่นๆ อาจเป็นเงินอิเลคโทรนิคส์ ผ่านการโอนผ่านธนาคาร ผ่านเงื่อนไขอื่นๆ ไม่ใช่การส่งเงินถึงมือโดยตรง  📍เงินทุนในการทำธุรกิจออนไลน์ สำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นการประหยัดต้นทุนได้ดีที่สุด เพราะมีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาน้อยมาก อาจมีค่าบริการอินเทอร์เน็ต ค่าทำเว็บไซต์ ค่าใช้จ่ายในการโปรโมท และเงินลงทุนในการสต็อกสินค้าที่จะขาย แต่ความจริงแล้วในปัจจุบัน ก็มีการเปิดรับสมัครตัวแทนขายแบบไม่ต้องสต็อกสินค้า (Dropship) ซึ่งก็จะช่วยให้คุณได้ประหยัดค่าใช้จ่ายยิ่งขึ้น  📍ประเภทธุรกิจออนไลน์ ปัจจุบันนี้ ธุรกิจออนไลน์ขยายตลาดกว้างขวาง ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นสินค้าและบริการสามารถทำเป็นธุรกิจออนไลน์ได้ทั้งสิ้น ธุรกิจออนไลน์จึงครอบคลุมเรื่องต่อไปนี้ 1.เว็บไซต์ขายสินค้า เป็นรูปแบบธุรกิจที่ผู้คนนิยมทำกันมากที่สุด เพราะทำง่ายและสามารถสร้างรายได้ได้เร็ว เพียงแค่นำสินค้าของคุณมาแสดงบนเว็บไซต์ พร้อมบอกรายละเอียดและราคา ตกแต่งเว็บไซต์ให้มีความสวยงามสะดุดตา ก็จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เกิดความสนใจได้ดี  2.เว็บไซต์เพื่อการโฆษณา รูปแบบการทำธุรกิจออนไลน์ ที่ไม่ใช่การขายสินค้าบนเว็บ แต่เป็นการแนะนำหน้าร้านของตนเอง เพื่อให้มีผู้คนรู้จักมากขึ้น โดยรายละเอียดในการประชาสัมพันธ์ก็จะบอกว่า ร้านของเราคือร้านอะไร ขายอะไร ตั้งอยู่ที่ไหน และสามารถทำการติดต่อได้อย่างไร นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดให้กับเว็บไซต์ ก็อาจมีการเพิ่มเติมเนื้อหาในรูปแบบของบทความให้ความรู้ประกอบลงบนเว็บ  3.เว็บไซต์ข่าวสาร เป็นการทำธุรกิจออนไลน์ด้วยการเผยแพร่ข่าวสาวต่างๆ ให้กับผู้อื่นได้รู้ ซึ่งส่วนใหญ่จะสร้างรายได้ด้วยการติดโฆษณา ซึ่งก็ทำรายได้ได้ดีไม่แพ้การขายของ เพียงแต่ต้องมีการอัพเดตข่าวสาร-บทความ อย่างสม่ำเสมอ  4.เว็บ Blog โปรโมทสินค้า ส่วนใหญ่จะทำขึ้นมาเพื่อเป็นการรีวิวสินค้าหรือสิ่งต่างๆ ที่มีความน่าสนใจ ซึ่ง blog ในรูปแบบนี้ มักจะได้รับความนิยม เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบดูรีวิวสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อเสมอ  5.เว็บตลาดประกาศขาย เป็นการทำธุรกิจออนไลน์ในรูปแบบของการเป็นสื่อกลาง (ตลาด) เพื่อให้ผู้คนได้มาทำการซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือแสดงความคิดเห็นกัน ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทนี้ เช่น Kaidee และ เว็บประกาศฟรี เป็นต้น  6.เป็นผู้ประกาศขาย ด้วยการนำสินค้าของตัวเองเข้าไปขายในตลาดออนไลน์ เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย จึงสร้างตลาดออนไลน์เป็นของตัวเอง พร้อมกับขายสินค้าของตัวเองไปด้วย  📍ข้อดีของธุรกิจออนไลน์ 1.ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ทำได้ เพราะธุรกิจออนไลน์เป็นการเปิดกว้างในการขาย เพียงแค่สร้างแฟนเพจ เว็บไซต์ หรือเปิดร้านค้าออนไลน์ขึ้นมา ก็สามารถนำสินค้ามาขายได้ทันที ซึ่งตัวสินค้าที่นำมาขายนั้นก็อาจจะเป็นตัวสินค้าที่มีสต็อกจริงๆ หรือเป็นการขายในรูปแบบตัวแทนที่ไม่ต้องมีหน้าร้าน โดยหากต้องการให้ธุรกิจออนไลน์ของเข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างรวดเร็ว ก็แค่ทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Search Engine ต่างๆ เช่น Google,Bing,yahoo  2.ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่มีค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าพื้นที่ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปหาลูกค้า หรือค่าสินค้าที่จะนำมาสต็อกไว้ขาย การทำธุรกิจออนไลน์นั้นมีร้านค้าฟรี แฟนเพจฟรี ให้สามารถเปิดขายได้ง่าย แค่มีอินเทอร์เน็ตเท่านั้น  3.เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก เพราะบนโลกออนไลน์เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้แบบทั่วโลก แค่มีความรู้ในด้านภาษาเล็กน้อย นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อพูดคุยกับลูกค้าได้ง่ายๆ ผ่านทางโซเชียล อย่างเช่น Line, Facebook และ IG ที่สามารถเข้าถึงได้หลายประเทศ  4.สร้างแบรนด์ของตัวเองได้ คนส่วนใหญ่มักจะใช้อินเทอร์เน็ตจนเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต การขายสินค้าโดยสร้างแบรนด์ของตัวเองบนธุรกิจออนไลน์ จึงทำให้มีผู้คนรู้จักและจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายในการโปรโมทแบรนด์ได้มากกว่าเดิม  5.ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถทำธุรกิจออนไลน์ อัพโหลดสินค้า พูดคุยตอบโต้กับลูกค้าได้ตลอด เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ อาชีพนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้เสริม เพราะถึงแม้ว่าจะทำงานประจำ ก็สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจออนไลน์ได้ตลอดเวลา  6.ทำได้ทุกสายอาชีพ ธุรกิจออนไลน์เป็นงานที่เปิดกว้าง ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักเรียนนักศึกษาที่อยากจะมีรายได้เสริม ก็สามารถเริ่มลงมือได้  7.สร้างรายได้มากกว่างานประจำ เรื่องนี้คือเรื่องจริง พนักงานประจำบางคนขายของออนไลน์เป็นอาชรพเสรืม ก็สามารถมีรายได้หลักแสน-หลักล้านได้ แต่จะต้องตั้งใจเรียนรู้ ลงมือทำอย่างจริงจัง ทำธุรกิจออนไลน์ เสมือนหนึ่งว่านี่คือการทำงานประจำ ทำพลาดก็กลัวโดนไล่ออก ทำดีก็ได้ขึ้นเงินเดือน (รายได้)  📍วิธีการทำธุรกิจออนไลน์ 1. เว็บไซต์ สิ่งสำคัญของการทำธุรกิจออนไลน์ ปัจจุบันโซเชียลกำลังมาแรง จึงทำให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าหรือผู้ที่ต้องการทำธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์น้อยลง โดยเฉพาะแบรนด์เล็กๆ แต่หากมองในแง่ความจริงแล้ว เว็บไซต์ก็ยังถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการทำธุรกิจออนไลน์อยู่ดี โดยเฉพาะกับแบรนด์สินค้าที่ต้องการการเติบโตอย่างยั่งยืน นั่นก็เพราะเว็บไซต์ถือเป็นสินทรัพย์บนโลกออนไลน์ของแบรนด์ เพราะมีเจ้าของจริง โดยไม่ได้ไปเช่าที่ของคนอื่นอยู่ หรืออาจกล่าวได้ว่า เจ้าของเว็บไซต์ สามารถทำอะไรกับเว็บไซต์ก็ได้ตามต้องการ นอกจากนี้หากแบรนด์ไหนสามารถใช้ประโยชน์จากเว็บไซต์ได้ดี ก็จะกลายเป็นผู้ที่ได้เปรียบบนโลกออนไลน์อีกด้วย  2. เน้นการสร้างคุณค่า และซื้อโฆษณาให้น้อยลง การซื้อโฆษณาเป็นกลยุทธิ์ ที่เหล่านักธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่นิยมใช้กัน ซึ่งแม้ว่าโฆษณาเหล่านี้จะสามารถเพิ่มผู้เข้าชมให้สูงขึ้นได้ และยังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เป็นจำนวนมากในระยะเวลาสั้น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถที่จะหยุดจ่ายเงินค่าโฆษณาเหล่านั้นได้ เมื่อมีการแข่งขันทางด้านโฆษณาสูงขึ้น ราคาค่าโฆษณาก็จะแพงขึ้น ดังนั้นคงจะดีกว่าหากพยายามซื้อโฆษณาให้น้อยลง และเน้นการสร้างคุณค่าให้กับเว็บไซต์ให้มากขึ้นแทน (การทำ SEO) ซึ่งจะทำให้ได้กลุ่มลูกค้าที่เข้าชมเว็บไซต์เนื่องจากความสนใจในเว็บไซต์จริงๆ และยังลดค่าใช้จ่ายในการซื้อโฆษณาลงอีกด้วย  3. อย่าลืมเก็บข้อมูลลูกค้า การเก็บข้อมูลของลูกค้า มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก เพราะในอนาคตคาดว่าจะกลายเป็นยุคที่มีการทำ Big Data ซึ่งมี Artificial Intelligence (AI) เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากแบรนด์ไหนมีข้อมูลของลูกค้ามาก ก็จะสามารถประมวลผลได้ดีกว่า และยังได้เปรียบคู่แข่ง นอกจากนี้ก็สามารถที่จะเสนอการขายได้อย่างถูกที่ ถูกเวลามากกว่าเช่นกัน โดยการเก็บข้อมูลของลูกค้า ก็สามารถทำได้ 2 แบบ คือ - การเก็บข้อมูลจากที่ลูกค้าให้มา เช่น อายุ เพศ ชื่อ งบประมาณ เป็นต้น - การเก็บข้อมูลที่ได้จากพฤติกรรมของลูกค้า เช่น ความถี่จากการที่ลูกค้าเปิดอีเมลล์ การเข้าใช้งานของลูกค้า เป็นต้น  4. อย่าทิ้งโลก Offline การทำธุรกิจออนไลน์ไม่ควรละทิ้งโลก Offline ดังนั้นจึงควรเชื่อมต่อระหว่างโลกออนไลน์ และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน กล่าวคือ เป็นการขายและให้บริการผ่านทางออนไลน์ก็จริง แต่ก็ควรเปิดช่องทางให้สามารถติดต่อกันในรูปแบบ offline ได้ด้วย หรือในบางคนที่นอกจากจะขายของบนร้านค้าออนไลน์แล้ว ก็มีหน้าร้านจริงด้วยนั่นเอง  📍การตลาดออนไลน์ 4.0 Digital Marketing เป็นรูปแบบในการทำการตลาดออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมและมีการพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการตลาดออนไลน์ 4.0 ซึ่งมี 3 ลักษณะสำคัญที่เหล่านักธุรกิจควรรู้ก่อนเริ่มทำการตลาดออนไลน์ 4.0 ดังนี้  1. การทำธุรกิจแบบออนไลน์และออฟไลน์ต้องไปด้วยกัน การตลาด 4.0 เน้นการเชื่อมโยงระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจการขาย ก็จะต้องมีทั้งการขายบนร้านค้าออนไลน์ และขายแบบหน้าร้านจริง เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น และยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือได้ดี  2. การตลาด 4.0 กับ 1-1 Marketing เน้นการทำธุรกิจที่ให้ความใส่ใจ และให้ความสำคัญกับลูกค้าแบบรายบุคคล มากกว่าลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายกว้างๆ  3. ให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน พร้อมรับฟังความเห็น เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องมีการให้ข้อมูล และรับฟังความคิดเห็นจากหลายๆ ฝ่าย ดังนั้นผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์จึงต้องเตรียมข้อมูลสำหรับการตอบคำถาม เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุด และต้องยอมรับฟังคำติชมจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงต่อไป การจะทำธุรกิจในยุคการตลาด 4.0 จึงต้องทำการศึกษาข้อมูลและกลยุทธ์ต่างๆ ให้ดี เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  📍ขยายธุรกิจออนไลน์ด้วย Facebook Facebook ได้กลายเป็นช่องทางที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ในการทำธุรกิจออนไลน์มากขึ้น เพราะเป็นสังคมโซเชียลที่รวบรวมผู้คนจากทั่วประเทศ ทั่วโลกเข้าไว้เป็นจำนวนมาก จึงสามารถที่จะสร้างโอกาสและเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงหันมาใช้ Facebook ในการทำธุรกิจมากขึ้น ทั้งยังเป็นเทคนิคที่ครอบคลุมทุกกระบวนการอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ การให้ข้อมูลสินค้าจนกระทั่งการสั่งซื้อ โดยมีเทคนิคดังนี้  1. สร้าง Facebook Page เพราะ Facebook Page เป็นเหมือนดั่งหน้าร้านของธุรกิจ หากหน้าร้านมีความน่าสนใจ ดึงดูด ก็จะช่วยดึงให้ลูกค้าเข้าร้านได้ดี ดังนั้นจึงควรสร้าง Facebook Page ให้ดูน่าสนใจด้วยการออกแบบหน้าเพจให้ดูสวยงาม สะดุดตา สื่อถึงสินค้าได้อย่างดีเยี่ยม และที่สำคัญเลยก็คือ จะต้องมีที่ตั้งของร้าน เวลาทำการ ประวัติที่มา ข้อมูลการติดต่อ และสินค้าอย่างครบถ้วนด้วย นอกจากนี้หากมีหลักฐานการจดทะเบียนพาณิชย์ ก็จะยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น  2. โปรโมทร่วมกับเว็บไซต์ การโปรโมทร่วมกับเว็บไซต์ จะช่วยเพิ่มผู้เข้าชมและเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและการทำกำไรได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ ก็จะต่อยอดมายังแฟนเพจต่อไปนั่นเอง โดยให้ทำการติดตั้ง Facebook like Box ขึ้นภายในเว็บไซต์ เท่านี้ก็เรียบร้อย  3. สร้างเนื้อหาที่ดี การมีเนื้อหาที่ดี จะช่วยเรียกความสนใจจากกลุ่มลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม และเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น โดยสำหรับการสร้างเนื้อหานั้นอาจจะเป็นบทความสั้นๆ คลิปวิดีโอ หรือจะเป็นภาพประกอบข้อความก็ได้ ขึ้นอยู่กับจะดีไซน์ออกแบบขึ้นมาอย่างไรนั่นเอง และที่สำคัญเนื้อหาจะต้องมีคุณภาพ เป็นประโยชน์ต่อผู้รับชมด้วย นอกจากนี้เมื่อมีเนื้อหาแล้ว ก็ให้ทำการโพสต์บ่อยๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสม สลับไปกับการโพสต์ขายสินค้าและโปรโมชั่นต่างๆ ซึ่งหากเนื้อหาโดนใจ ก็จะมีลูกค้าเข้าชมเพจเยอะขึ้น  4. จิตใจที่พร้อมให้บริการ เป็นจุดสำคัญที่ผู้ดูแลหรือที่เรียกว่าแอดมินเพจควรให้ความใส่ใจ เพราะจะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการตอบแชทอย่างรวดเร็ว การตอบคำถามใต้โพสต์ที่มีผู้ถามเข้ามาอยู่เสมอ หรือการพูดคุยหน้าเพจเพื่อไม่ให้ดูเงียบเหงาจนเกินไป ซึ่งผู้ดูแลจะต้องพยายามใช้ภาษาในการพูดคุยที่สุภาพ จริงใจและไม่ดูแข็งทื่อจนไม่เป็นธรรมชาติ ที่สำคัญจะต้องมีเวลาพอสมควร เพื่อคอยตอบคำถามหรือตอบรับออเดอร์ของลูกค้าตลอดเวลาที่มีการติดต่อเข้ามา  5. นำไปสู่การขาย การโพสต์ขายสินค้าเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ลูกค้าไม่ทราบว่าหากต้องการซื้อสินค้าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ดังนั้นจึงต้องมีการนำไปสู่การขาย เช่นเขียนใส่ลงในใต้โพสต์ขายสินค้าว่า สนใจคลิกซื้อสินค้าได้ที่เว็บไซต์, สามารถสั่งซื้อสินค้าที่ใต้โพสต์ได้เลย หรือให้ติดต่อผ่านทางกล่องข้อความ ซึ่งหากมีรายละเอียดหรือเงื่อนไขใดๆ ก็ให้ใส่ลงไปด้วย เพื่อที่ลูกค้าจะได้ทำความเข้าใจได้ทันทีและไม่ต้องเสียเวลากับการสอบถาม  6. ใช้ Facebook Ads เป็นตัวช่วย Facebook Ads เป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วและกว้างขวางยิ่งขึ้น เพราะจะทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายสามารถมองเห็นสินค้าของธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและเข้าถึงกลุ่มผู้คนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแม้ว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่ได้มากทีเดียว แถมยังสามารถจำกัดงบประมาณไม่ให้เกินงบได้  7. Retargeting ต้องน่าสนใจ เป็นเทคนิคการทำการตลาด ที่จะพุ่งเป้าไปสู่กลุ่มลูกค้าที่รู้จักและมีความสนใจในสินค้าและบริการประเภทนี้อยู่แล้ว จึงทำให้โอกาสที่จะทำยอดขายเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปกติ โดยส่วนใหญ่การทำการตลาดในรูปแบบนี้ ก็จะเพ่งไปที่กลุ่มลูกค้าจากฐานข้อมูลของธุรกิจ และลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์เป็นหลัก  8. ทำโฆษณาให้ถูกกฎ การทำโฆษณาจะต้องทำให้ถูกกฎตามที่ Facebook กำหนด ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถทำโฆษณาได้ โดยกฎที่สำคัญยกตัวอย่างเช่น จะต้องมีตัวอักษรแค่ 20% ของพื้นที่โฆษณาทั้งหมด, ต้องไม่มีคำพูดถึงการรับประกันและการการันตรีต่างๆ รวมถึงไม่มีรูปภาพที่ล่อแหลม เป็นต้น  9. Optimization อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจะมองข้ามไม่ได้ ก็คือการพัฒนาให้โฆษณามีผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงในบางจุดอยู่เสมอ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ การได้ลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นในขณะที่ยังคงมีงบประมาณในการโฆษณาเท่าเดิมนั่นเอง ส่วนจะพัฒนาอย่างไรดี ก็ให้วัดดูจากผลลัพธ์เดิมของโฆษณาที่ทำขึ้นเป็นหลัก  ----------------------------------------------------------------------------------- สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด  | รับสร้างแบรนด์  | รับทำการตลาดออนไลน์  | รับทำแผนการตลาดออนไลน์  | รับสร้างแบรนด์  | รับดูแล Facebook แฟนเพจ  | รับดูแล LINE OA    สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง   รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์ >> https://www.chatstickmarket.com/langran ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้ >>https://www.chatstickmarket.com/portfolio ------------------------------------------------------------------------------------  💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙 📱Tel : 0840104252 📱0947805680 สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์) 📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH ┏━━━━━━━━━┓ 📲 LINE: @chatstick ┗━━━━━━━━━┛ หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM 🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran 🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

ธุรกิจออนไลน์ สร้างรายได้มหาศาล มาทำความรู้จักกับธุรกิจออนไลน์✨


โลกปัจจุบันเป็นยุค 4.0 เทคโนโลยีเป็นเรื่องสำคัญ เช่นเดียวกับธุรกิจที่ในอดีต ใครสักคนคิดอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะหมายถึงต้องลงทุนด้วยเงินมหาศาล พร้อมรับความเสี่ยงขั้นสุด ไม่มีวันรู้ล่วงหน้าว่า ธุรกิจจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ถ้าไม่สำเร็จก็อาจหมายถึงต้นทุนหายไปด้วย ต่างกับยุคนี้ เทคโนโลยีนำหน้า ธุรกิจเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่มาพึ่งพาอาศัยโลกออนไลน์ มีการติดต่อสื่อสารผ่านทาง Internet การทำธุรกิจการค้าแบบเดิมๆ ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะสามารถที่จะทำการขายผ่านทางอินเทอร์เน็ต แถมใช้ต้นทุนต่ำและไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานมากมายเหมือนแต่ก่อน การทำธุรกิจออนไลน์จึงกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน


📍ธุรกิจออนไลน์คืออะไร

การดำเนินกิจการบนพื้นฐานอาชีพ ที่จะทำให้เกิดรายได้ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค หากจะว่ากันตามกฎหมายที่ให้นิยามคำว่า “ธุรกิจ” ก็หมายรวมกิจการอาชีพเหล่านั้นว่า ไม่ว่าจะเป็น “กิจการในทางเกษตรกรรมอุตสาหกรรม หัตถกรรม พาณิชยกรรม การบริการ หรือกิจการอย่างอื่นเป็นการค้า” ล้วนอยู่ในกลุ่มนิยาม “ธุรกิจออนไลน์” ทั้งสิ้น แต่ถ้าเป็นความหมายที่เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ การประกอบอาชีพ ค้าขาย เพื่อก่อให้เกิดกำไรเป็นรายได้แบบอาชีพประจำ


การทำธุรกิจออนไลน์ คือ การค้าขายและให้บริการผ่านทางระบบออนไลน์ โดยมีเว็บไซต์เป็นสื่อกลาง ในปัจจุบันทั้งเว็บไซต์ที่ต้องลงทุนทำขึ้นมาเอง และเว็บไซต์ที่เปิดให้ทำการลงโฆษณาขายแบบฟรีๆ อย่างเช่น เว็บลงประกาศฟรี การทำธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันไม่ได้ทำขึ้นเพราะเป็นกระแส แต่เป็นการทำขึ้นโดยมองการณ์ไกล เพื่อการสร้างรายได้แบบระยะยาว และสามารถยึดเป็นอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวได้


📍องค์ประกอบของ“ธุรกิจออนไลน์”

- มีกิจการปรากฏในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ส่วนตัว หรือชุมชนออนไลน์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ค เพจ อินสตาแกรม หรือบล็อกอื่นๆ ที่ให้บริการฟรี ในโลกออนไลน์

- มีการดำเนินกิจการ ไม่ว่าจะเป็นซื้อมาขายไป การรับจ้างบริการ การผลิต หรืออื่นๆ ที่มีการใช้เงินเป็นของแลกเปลี่ยน โดยที่ไม่ได้สัมผัสสินค้าหรือเห็นสินค้าจริงๆ อาจเห็นผ่านรูปถ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว

- มีการติดต่อสื่อสารผ่านออนไลน์ การแชท การโทรศัพท์ หรืออื่นๆ ที่ไม่ได้มีการพบปะกันตรงๆ

- มีตัวกลาง หรือ คนกลางที่ทำให้ธุรกิจการติดต่อซื้อขายบรรลุผลสำเร็จ เช่น กิจการไปรษณีย์ หรือธุรกิจขนส่งอื่นๆ มาเกี่ยวข้อง

- มีการชำระเงินผ่านช่องทางอื่นๆ อาจเป็นเงินอิเลคโทรนิคส์ ผ่านการโอนผ่านธนาคาร ผ่านเงื่อนไขอื่นๆ ไม่ใช่การส่งเงินถึงมือโดยตรง


📍เงินทุนในการทำธุรกิจออนไลน์

สำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นการประหยัดต้นทุนได้ดีที่สุด เพราะมีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาน้อยมาก อาจมีค่าบริการอินเทอร์เน็ต ค่าทำเว็บไซต์ ค่าใช้จ่ายในการโปรโมท และเงินลงทุนในการสต็อกสินค้าที่จะขาย แต่ความจริงแล้วในปัจจุบัน ก็มีการเปิดรับสมัครตัวแทนขายแบบไม่ต้องสต็อกสินค้า (Dropship) ซึ่งก็จะช่วยให้คุณได้ประหยัดค่าใช้จ่ายยิ่งขึ้น


📍ประเภทธุรกิจออนไลน์

ปัจจุบันนี้ ธุรกิจออนไลน์ขยายตลาดกว้างขวาง ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นสินค้าและบริการสามารถทำเป็นธุรกิจออนไลน์ได้ทั้งสิ้น ธุรกิจออนไลน์จึงครอบคลุมเรื่องต่อไปนี้

1.เว็บไซต์ขายสินค้า เป็นรูปแบบธุรกิจที่ผู้คนนิยมทำกันมากที่สุด เพราะทำง่ายและสามารถสร้างรายได้ได้เร็ว เพียงแค่นำสินค้าของคุณมาแสดงบนเว็บไซต์ พร้อมบอกรายละเอียดและราคา ตกแต่งเว็บไซต์ให้มีความสวยงามสะดุดตา ก็จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เกิดความสนใจได้ดี


2.เว็บไซต์เพื่อการโฆษณา รูปแบบการทำธุรกิจออนไลน์ ที่ไม่ใช่การขายสินค้าบนเว็บ แต่เป็นการแนะนำหน้าร้านของตนเอง เพื่อให้มีผู้คนรู้จักมากขึ้น โดยรายละเอียดในการประชาสัมพันธ์ก็จะบอกว่า ร้านของเราคือร้านอะไร ขายอะไร ตั้งอยู่ที่ไหน และสามารถทำการติดต่อได้อย่างไร นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดให้กับเว็บไซต์ ก็อาจมีการเพิ่มเติมเนื้อหาในรูปแบบของบทความให้ความรู้ประกอบลงบนเว็บ


3.เว็บไซต์ข่าวสาร เป็นการทำธุรกิจออนไลน์ด้วยการเผยแพร่ข่าวสาวต่างๆ ให้กับผู้อื่นได้รู้ ซึ่งส่วนใหญ่จะสร้างรายได้ด้วยการติดโฆษณา ซึ่งก็ทำรายได้ได้ดีไม่แพ้การขายของ เพียงแต่ต้องมีการอัพเดตข่าวสาร-บทความ อย่างสม่ำเสมอ


4.เว็บ Blog โปรโมทสินค้า ส่วนใหญ่จะทำขึ้นมาเพื่อเป็นการรีวิวสินค้าหรือสิ่งต่างๆ ที่มีความน่าสนใจ ซึ่ง blog ในรูปแบบนี้ มักจะได้รับความนิยม เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบดูรีวิวสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อเสมอ


5.เว็บตลาดประกาศขาย เป็นการทำธุรกิจออนไลน์ในรูปแบบของการเป็นสื่อกลาง (ตลาด) เพื่อให้ผู้คนได้มาทำการซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือแสดงความคิดเห็นกัน ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทนี้ เช่น Kaidee และ เว็บประกาศฟรี เป็นต้น


6.เป็นผู้ประกาศขาย ด้วยการนำสินค้าของตัวเองเข้าไปขายในตลาดออนไลน์ เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย จึงสร้างตลาดออนไลน์เป็นของตัวเอง พร้อมกับขายสินค้าของตัวเองไปด้วย


📍ข้อดีของธุรกิจออนไลน์

1.ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ทำได้ เพราะธุรกิจออนไลน์เป็นการเปิดกว้างในการขาย เพียงแค่สร้างแฟนเพจ เว็บไซต์ หรือเปิดร้านค้าออนไลน์ขึ้นมา ก็สามารถนำสินค้ามาขายได้ทันที ซึ่งตัวสินค้าที่นำมาขายนั้นก็อาจจะเป็นตัวสินค้าที่มีสต็อกจริงๆ หรือเป็นการขายในรูปแบบตัวแทนที่ไม่ต้องมีหน้าร้าน โดยหากต้องการให้ธุรกิจออนไลน์ของเข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างรวดเร็ว ก็แค่ทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Search Engine ต่างๆ เช่น Google,Bing,yahoo


2.ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่มีค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าพื้นที่ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปหาลูกค้า หรือค่าสินค้าที่จะนำมาสต็อกไว้ขาย การทำธุรกิจออนไลน์นั้นมีร้านค้าฟรี แฟนเพจฟรี ให้สามารถเปิดขายได้ง่าย แค่มีอินเทอร์เน็ตเท่านั้น


3.เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก เพราะบนโลกออนไลน์เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้แบบทั่วโลก แค่มีความรู้ในด้านภาษาเล็กน้อย นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อพูดคุยกับลูกค้าได้ง่ายๆ ผ่านทางโซเชียล อย่างเช่น Line, Facebook และ IG ที่สามารถเข้าถึงได้หลายประเทศ


4.สร้างแบรนด์ของตัวเองได้ คนส่วนใหญ่มักจะใช้อินเทอร์เน็ตจนเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต การขายสินค้าโดยสร้างแบรนด์ของตัวเองบนธุรกิจออนไลน์ จึงทำให้มีผู้คนรู้จักและจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายในการโปรโมทแบรนด์ได้มากกว่าเดิม


5.ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถทำธุรกิจออนไลน์ อัพโหลดสินค้า พูดคุยตอบโต้กับลูกค้าได้ตลอด เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ อาชีพนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้เสริม เพราะถึงแม้ว่าจะทำงานประจำ ก็สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจออนไลน์ได้ตลอดเวลา


6.ทำได้ทุกสายอาชีพ ธุรกิจออนไลน์เป็นงานที่เปิดกว้าง ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักเรียนนักศึกษาที่อยากจะมีรายได้เสริม ก็สามารถเริ่มลงมือได้


7.สร้างรายได้มากกว่างานประจำ เรื่องนี้คือเรื่องจริง พนักงานประจำบางคนขายของออนไลน์เป็นอาชรพเสรืม ก็สามารถมีรายได้หลักแสน-หลักล้านได้ แต่จะต้องตั้งใจเรียนรู้ ลงมือทำอย่างจริงจัง ทำธุรกิจออนไลน์ เสมือนหนึ่งว่านี่คือการทำงานประจำ ทำพลาดก็กลัวโดนไล่ออก ทำดีก็ได้ขึ้นเงินเดือน (รายได้)


📍วิธีการทำธุรกิจออนไลน์

1. เว็บไซต์ สิ่งสำคัญของการทำธุรกิจออนไลน์

ปัจจุบันโซเชียลกำลังมาแรง จึงทำให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าหรือผู้ที่ต้องการทำธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์น้อยลง โดยเฉพาะแบรนด์เล็กๆ แต่หากมองในแง่ความจริงแล้ว เว็บไซต์ก็ยังถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการทำธุรกิจออนไลน์อยู่ดี โดยเฉพาะกับแบรนด์สินค้าที่ต้องการการเติบโตอย่างยั่งยืน นั่นก็เพราะเว็บไซต์ถือเป็นสินทรัพย์บนโลกออนไลน์ของแบรนด์ เพราะมีเจ้าของจริง โดยไม่ได้ไปเช่าที่ของคนอื่นอยู่ หรืออาจกล่าวได้ว่า เจ้าของเว็บไซต์ สามารถทำอะไรกับเว็บไซต์ก็ได้ตามต้องการ นอกจากนี้หากแบรนด์ไหนสามารถใช้ประโยชน์จากเว็บไซต์ได้ดี ก็จะกลายเป็นผู้ที่ได้เปรียบบนโลกออนไลน์อีกด้วย


2. เน้นการสร้างคุณค่า และซื้อโฆษณาให้น้อยลง

การซื้อโฆษณาเป็นกลยุทธิ์ ที่เหล่านักธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่นิยมใช้กัน ซึ่งแม้ว่าโฆษณาเหล่านี้จะสามารถเพิ่มผู้เข้าชมให้สูงขึ้นได้ และยังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เป็นจำนวนมากในระยะเวลาสั้น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถที่จะหยุดจ่ายเงินค่าโฆษณาเหล่านั้นได้ เมื่อมีการแข่งขันทางด้านโฆษณาสูงขึ้น ราคาค่าโฆษณาก็จะแพงขึ้น ดังนั้นคงจะดีกว่าหากพยายามซื้อโฆษณาให้น้อยลง และเน้นการสร้างคุณค่าให้กับเว็บไซต์ให้มากขึ้นแทน (การทำ SEO) ซึ่งจะทำให้ได้กลุ่มลูกค้าที่เข้าชมเว็บไซต์เนื่องจากความสนใจในเว็บไซต์จริงๆ และยังลดค่าใช้จ่ายในการซื้อโฆษณาลงอีกด้วย


3. อย่าลืมเก็บข้อมูลลูกค้า

การเก็บข้อมูลของลูกค้า มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก เพราะในอนาคตคาดว่าจะกลายเป็นยุคที่มีการทำ Big Data ซึ่งมี Artificial Intelligence (AI) เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากแบรนด์ไหนมีข้อมูลของลูกค้ามาก ก็จะสามารถประมวลผลได้ดีกว่า และยังได้เปรียบคู่แข่ง นอกจากนี้ก็สามารถที่จะเสนอการขายได้อย่างถูกที่ ถูกเวลามากกว่าเช่นกัน โดยการเก็บข้อมูลของลูกค้า ก็สามารถทำได้ 2 แบบ คือ

- การเก็บข้อมูลจากที่ลูกค้าให้มา เช่น อายุ เพศ ชื่อ งบประมาณ เป็นต้น

- การเก็บข้อมูลที่ได้จากพฤติกรรมของลูกค้า เช่น ความถี่จากการที่ลูกค้าเปิดอีเมลล์ การเข้าใช้งานของลูกค้า เป็นต้น


4. อย่าทิ้งโลก Offline

การทำธุรกิจออนไลน์ไม่ควรละทิ้งโลก Offline ดังนั้นจึงควรเชื่อมต่อระหว่างโลกออนไลน์ และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน กล่าวคือ เป็นการขายและให้บริการผ่านทางออนไลน์ก็จริง แต่ก็ควรเปิดช่องทางให้สามารถติดต่อกันในรูปแบบ offline ได้ด้วย หรือในบางคนที่นอกจากจะขายของบนร้านค้าออนไลน์แล้ว ก็มีหน้าร้านจริงด้วยนั่นเอง


📍การตลาดออนไลน์ 4.0

Digital Marketing เป็นรูปแบบในการทำการตลาดออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมและมีการพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการตลาดออนไลน์ 4.0 ซึ่งมี 3 ลักษณะสำคัญที่เหล่านักธุรกิจควรรู้ก่อนเริ่มทำการตลาดออนไลน์ 4.0 ดังนี้


1. การทำธุรกิจแบบออนไลน์และออฟไลน์ต้องไปด้วยกัน

การตลาด 4.0 เน้นการเชื่อมโยงระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจการขาย ก็จะต้องมีทั้งการขายบนร้านค้าออนไลน์ และขายแบบหน้าร้านจริง เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น และยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือได้ดี


2. การตลาด 4.0 กับ 1-1 Marketing

เน้นการทำธุรกิจที่ให้ความใส่ใจ และให้ความสำคัญกับลูกค้าแบบรายบุคคล มากกว่าลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายกว้างๆ


3. ให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน พร้อมรับฟังความเห็น

เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องมีการให้ข้อมูล และรับฟังความคิดเห็นจากหลายๆ ฝ่าย ดังนั้นผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์จึงต้องเตรียมข้อมูลสำหรับการตอบคำถาม เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุด และต้องยอมรับฟังคำติชมจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงต่อไป การจะทำธุรกิจในยุคการตลาด 4.0 จึงต้องทำการศึกษาข้อมูลและกลยุทธ์ต่างๆ ให้ดี เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


📍ขยายธุรกิจออนไลน์ด้วย Facebook

Facebook ได้กลายเป็นช่องทางที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ในการทำธุรกิจออนไลน์มากขึ้น เพราะเป็นสังคมโซเชียลที่รวบรวมผู้คนจากทั่วประเทศ ทั่วโลกเข้าไว้เป็นจำนวนมาก จึงสามารถที่จะสร้างโอกาสและเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงหันมาใช้ Facebook ในการทำธุรกิจมากขึ้น ทั้งยังเป็นเทคนิคที่ครอบคลุมทุกกระบวนการอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ การให้ข้อมูลสินค้าจนกระทั่งการสั่งซื้อ โดยมีเทคนิคดังนี้


1. สร้าง Facebook Page

เพราะ Facebook Page เป็นเหมือนดั่งหน้าร้านของธุรกิจ หากหน้าร้านมีความน่าสนใจ ดึงดูด ก็จะช่วยดึงให้ลูกค้าเข้าร้านได้ดี ดังนั้นจึงควรสร้าง Facebook Page ให้ดูน่าสนใจด้วยการออกแบบหน้าเพจให้ดูสวยงาม สะดุดตา สื่อถึงสินค้าได้อย่างดีเยี่ยม และที่สำคัญเลยก็คือ จะต้องมีที่ตั้งของร้าน เวลาทำการ ประวัติที่มา ข้อมูลการติดต่อ และสินค้าอย่างครบถ้วนด้วย นอกจากนี้หากมีหลักฐานการจดทะเบียนพาณิชย์ ก็จะยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น


2. โปรโมทร่วมกับเว็บไซต์

การโปรโมทร่วมกับเว็บไซต์ จะช่วยเพิ่มผู้เข้าชมและเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและการทำกำไรได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ ก็จะต่อยอดมายังแฟนเพจต่อไปนั่นเอง โดยให้ทำการติดตั้ง Facebook like Box ขึ้นภายในเว็บไซต์ เท่านี้ก็เรียบร้อย


3. สร้างเนื้อหาที่ดี

การมีเนื้อหาที่ดี จะช่วยเรียกความสนใจจากกลุ่มลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม และเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น โดยสำหรับการสร้างเนื้อหานั้นอาจจะเป็นบทความสั้นๆ คลิปวิดีโอ หรือจะเป็นภาพประกอบข้อความก็ได้ ขึ้นอยู่กับจะดีไซน์ออกแบบขึ้นมาอย่างไรนั่นเอง และที่สำคัญเนื้อหาจะต้องมีคุณภาพ เป็นประโยชน์ต่อผู้รับชมด้วย นอกจากนี้เมื่อมีเนื้อหาแล้ว ก็ให้ทำการโพสต์บ่อยๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสม สลับไปกับการโพสต์ขายสินค้าและโปรโมชั่นต่างๆ ซึ่งหากเนื้อหาโดนใจ ก็จะมีลูกค้าเข้าชมเพจเยอะขึ้น


4. จิตใจที่พร้อมให้บริการ

เป็นจุดสำคัญที่ผู้ดูแลหรือที่เรียกว่าแอดมินเพจควรให้ความใส่ใจ เพราะจะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการตอบแชทอย่างรวดเร็ว การตอบคำถามใต้โพสต์ที่มีผู้ถามเข้ามาอยู่เสมอ หรือการพูดคุยหน้าเพจเพื่อไม่ให้ดูเงียบเหงาจนเกินไป ซึ่งผู้ดูแลจะต้องพยายามใช้ภาษาในการพูดคุยที่สุภาพ จริงใจและไม่ดูแข็งทื่อจนไม่เป็นธรรมชาติ ที่สำคัญจะต้องมีเวลาพอสมควร เพื่อคอยตอบคำถามหรือตอบรับออเดอร์ของลูกค้าตลอดเวลาที่มีการติดต่อเข้ามา


5. นำไปสู่การขาย

การโพสต์ขายสินค้าเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ลูกค้าไม่ทราบว่าหากต้องการซื้อสินค้าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ดังนั้นจึงต้องมีการนำไปสู่การขาย เช่นเขียนใส่ลงในใต้โพสต์ขายสินค้าว่า สนใจคลิกซื้อสินค้าได้ที่เว็บไซต์, สามารถสั่งซื้อสินค้าที่ใต้โพสต์ได้เลย หรือให้ติดต่อผ่านทางกล่องข้อความ ซึ่งหากมีรายละเอียดหรือเงื่อนไขใดๆ ก็ให้ใส่ลงไปด้วย เพื่อที่ลูกค้าจะได้ทำความเข้าใจได้ทันทีและไม่ต้องเสียเวลากับการสอบถาม


6. ใช้ Facebook Ads เป็นตัวช่วย

Facebook Ads เป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วและกว้างขวางยิ่งขึ้น เพราะจะทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายสามารถมองเห็นสินค้าของธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและเข้าถึงกลุ่มผู้คนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแม้ว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่ได้มากทีเดียว แถมยังสามารถจำกัดงบประมาณไม่ให้เกินงบได้


7. Retargeting ต้องน่าสนใจ

เป็นเทคนิคการทำการตลาด ที่จะพุ่งเป้าไปสู่กลุ่มลูกค้าที่รู้จักและมีความสนใจในสินค้าและบริการประเภทนี้อยู่แล้ว จึงทำให้โอกาสที่จะทำยอดขายเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปกติ โดยส่วนใหญ่การทำการตลาดในรูปแบบนี้ ก็จะเพ่งไปที่กลุ่มลูกค้าจากฐานข้อมูลของธุรกิจ และลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์เป็นหลัก


8. ทำโฆษณาให้ถูกกฎ

การทำโฆษณาจะต้องทำให้ถูกกฎตามที่ Facebook กำหนด ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถทำโฆษณาได้ โดยกฎที่สำคัญยกตัวอย่างเช่น จะต้องมีตัวอักษรแค่ 20% ของพื้นที่โฆษณาทั้งหมด, ต้องไม่มีคำพูดถึงการรับประกันและการการันตรีต่างๆ รวมถึงไม่มีรูปภาพที่ล่อแหลม เป็นต้น


9. Optimization

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจะมองข้ามไม่ได้ ก็คือการพัฒนาให้โฆษณามีผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงในบางจุดอยู่เสมอ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ การได้ลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นในขณะที่ยังคงมีงบประมาณในการโฆษณาเท่าเดิมนั่นเอง ส่วนจะพัฒนาอย่างไรดี ก็ให้วัดดูจากผลลัพธ์เดิมของโฆษณาที่ทำขึ้นเป็นหลัก


-----------------------------------------------------------------------------------

สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์

ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้

------------------------------------------------------------------------------------


💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙

📱Tel : 0840104252 📱0947805680

สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)

┏━━━━━━━━━┓

📲 LINE: @chatstick

┗━━━━━━━━━┛

หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM

🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran

🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

ดู 28 ครั้ง

Comments


CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม2_2.png
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม3.png
Recent Posts
c24f0332fa3b87f8a304140403b893510_64100212_210625.jpg
244712625_300456528129611_2152723951836713111_n.jpg
5.png
4.png
Button Event สติกเกอร์.png
2.png
Button ChatStick Market.png
bottom of page