เปิดวาร์ป อาชีพขายของบนรถกระบะ✨

เปิดวาร์ป อาชีพขายของบนรถกระบะ✨
ในช่วงที่เศรษฐกิจของไทย ย่ำแย่ติดต่อกันมาในช่วงหลายปีก่อนหน้า หรือการ Disruption ในหลายวงการอาชีพ หรือจะผลกระทบจากโควิด-19 กำลังระบาดหนักในไทยนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมานี้ ทำให้อาชีพการงานแบบเดิมๆ ที่เคยทำกันมานาน ทั้งบริษัทเล็กๆ แบบ SMEs หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ ได้รับผลกระทบกันมหาศาล ทั้งด้านการท่องเที่ยว สายการบิน การศึกษา ร้านนวด สปา ผับ บาร์ หรือร้านอาหารทั้งร้านเล็ก ร้านใหญ่ สตรีทฟู้ด ต้องปิดตัวกันไปนับแสนราย
ทำให้หลายคนต้องหาทางเอาตัวรอด หาทางสร้างรายได้ สร้างอาชีพใหม่ๆ กันเป็นแถว บางคน อาจจะมีทุนมาก ก็มีสายป่านยาวหน่อย ส่วนคนที่ทุนน้อย ก็อาจต้องลงแรงมากหน่อย เพื่อให้การเริ่มต้นเป็น “นายตัวเอง” ไปต่อได้ ในยุคที่ต้องปรับตัวในการหาเงิน และสู้กับโควิดไปด้วย อย่าง “รถเร่ขายของ” ก็เช่นกัน มีผู้เริ่มมาทำกันมาก ในหลากหลายอาชีพ ทำเลไหนดีก็ขับไปขายทุกวัน ทำเลไหนไม่ดี ก็เปลี่ยนที่ไปได้เรื่อยๆ ไม่ต้องเช่าห้องแถว เช่าที่ให้วุ่นวาย
1.ขายข้าวสาร
ทุกคนต้องเคยเห็นรถกระบะที่เร่ขายข้าวสาร วิ่งไปตามตรอกซอกซอยในหมู่บ้านต่างๆ การเริ่มต้นอาชีพนี้ต้องเริ่มจากติดต่อไปทางโรงสีเพื่อให้ได้ข้าวสารในราคาต้นทุนที่ถูก และเพื่อให้มีข้าวหลากหลายชนิด ข้อมูลที่เรามีระบุว่าต้นทุนเฉลี่ยประมาณกิโลกรัมละ 20-30 บาท ก็ตกราคากระสอบละ 1,000 - 1,500 บาท (1กระสอบบรรจุ 50 กิโลกรัม) เมื่อนำมา
ขายแบ่งเป็นกิโลกรัมละ 25-35 บาท ได้กำไรกิโลกรัมละ 3-5 บาท ถ้าวันหนึ่งๆแบ่งขายได้ 5-6 กระสอบ กำไรกระสอบละ 150 - 250 บาท ( 3-5บาท x 50กิโลกรัม ต่อกระสอบ ) ได้กำไร 750-1500 บาท (ยังไม่หักค่าน้ำมันรถยนต์) อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องได้กำไรเท่านี้หรือมีต้นทุนเท่านี้ ต้นทุนและกำไรที่แท้จริงสามารถแปรผันได้ตามปัจจัยแวดล้อมอีกหลายอย่าง
2.รถพุ่มพวง
เป็นอีกหนึ่งไอเดียในการใช้รถกระบะสร้างรายได้ที่หลายคนรู้จักดี รถพุ่มพวงส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าเป็นกิโลกรัมและนำมาทำเป็นถุงย่อยๆ ขายปลีกให้ได้กำไรมากขึ้น เช่น ผัก 1 กิโลกรัมราคา 40 บาท อาจนำมาแบ่งเป็นกำๆ ได้ 5-6 กำ ขายกำละ 10 บาท จะได้กำไร 10-20 บาทเป็นต้น ความเสี่ยงของรถพุ่มพวงคือสินค้าที่ขายไม่หมดอาจเน่าเสียเช่นผักสดต่างๆ
สำหรับเงินลงทุนก็ขึ้นอยู่กับว่า จะ”ขึ้นของ” ทำของเยอะแค่ไหน พ่อค้าบางรายลงทุนวันละเกือบ 10,000 บาทซึ่งสินค้าเหล่านี้หากขายได้หมดจะมีกำไรเฉลี่ย 1,500-3,000 บาท แต่ส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าจะไม่ได้ขายสินค้าหมดในวันเดียวสินค้าบางอย่างเมื่อซื้อมาสามารถขายได้มากกว่า 1 วัน โดยเฉพาะพวกของแห้งทั้งหลาย ที่ต้องลงทุนบ่อยๆ ก็คือพวกอาหารสด ผักสด
3.รับซื้อของเก่า
หลายคนที่ยึดอาชีพนี้เป็นประจำก็สร้างรายได้ดีเลี้ยงครอบครัวได้เลยทีเดียว ราคาของเก่าก็น่าสนใจ อย่างหนังสือพิมพ์เก่ากิโลกรัมละ 10 บาท ขวดเบียร์กิโลกรัมละ 10-14 บาท กระป๋องโค้กกิโลกรัมละ 38 บาท พลาสติก(ขวดน้ำ) กิโลกรัมละ 15 บาท เป็นต้น ยิ่งมีรถกระบะสักคันไว้วิ่งตามซอยต่าง ๆลองเก็บของเก่าขายรายได้ต่อวันไม่น้อยกว่า 300-500 บาท และในอนาคตหากมีประสบการณ์มากขึ้น มีทุนมากขึ้นอาจผันตัวเองจากคนเก็บของเก่าขาย กลายมาเป็นคนรับซื้อของเก่า สร้างรายได้เพิ่มขึ้นแต่เหนื่อยน้อยลงได้ด้วย
4.ขายผลไม้
เราคงเคยเห็นริมทางกับรถกระบะที่บรรจุผลไม้มาขายไม่ว่าจะเป็นฟักทอง แตงโม เผือก มัน เงาะ ทุเรียน เป็นต้น ถามว่ามีรถกระบะสักคันลงทุนขายผลไม้แบบนี้คุ้มไหม! ก่อนอื่นเราต้องดูก่อนว่าเรามีแหล่งสินค้าที่ได้ต้นทุนถูกหรือเปล่า บางรายมีสวนของตัวเอง ก็เอาสินค้ามาเร่ขาย แบบนี้กำไรก็มากหน่อย แต่บางรายต้องไปรับมาจากหน้าสวนอีกที ซึ่งก็ต้องไปติดต่อกับเจ้าของสวนหรือมีความสนิทมากพอ
ข้อดีของการรับมาจากสวนคือเราจะสามารถขายในราคาที่ถูกกว่าตลาดทั่วไปได้ แต่ถ้าเป็นการรับมาจากพ่อค้าคนกลางหรือจากตลาดค้าส่งซึ่งมีการบวกต้นทุนไปแล้วระดับหนึ่งราคาขายของเราก็ต้องสูงขึ้นไปอีกเช่นกัน
ทั้งนี้ถ้าซื้อจากตลาดค้าส่งเราอาจเลือกซื้อแบบยกลังหรือจะเลือกซื้อแบบถุงใหญ่ (บรรจุ 10 กก.) ราคายกลังส่วนใหญ่จะถูกกว่าแต่ถ้าบรรจุถุงราคาจะแพงกว่าแต่สามารถนำไปจำหน่ายต่อได้ในราคากิโลละ 50, 60, 70, 80 บาท ขึ้นอยู่กับเกรดของผลไม้และช่วงฤดูของผลไม้
5.เปิดท้ายขายของ
ในยุคที่คนตกงาน ว่างงาน ไม่มีงานทำ อาชีพเปิดท้ายขายของด้วยรถกระบะกลับมาคึกคักและมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก การเริ่มต้นเปิดท้ายขายของ วิธีการไม่ยุ่งยาก ก่อนอื่นหาสินค้าที่ต้องการขาย ทำเลที่จะขาย จากนั้นติดต่อกับทางเจ้าของพื้นที่ เจ้าของตลาด ลงทุนเรื่องอุปกรณ์การขาย ส่วนใหญ่ก็แค่โต๊ะ ถุงพลาสติก ไฟส่องสว่าง (สำหรับการขายกลางคืน) หรืออุปกรณ์อื่นตามสมควร กำไรจากการขายก็ขึ้นอยู่กับสินค้าที่เราขาย
ค่าเช่าของแต่ละสถานที่ และกำลังซื้อของลูกค้า อาจไม่ได้สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำแต่สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนให้เราได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญเราสามารถเปลี่ยนที่ขายไปได้เรื่อยๆ ยิ่งขยันก็ยิ่งมีรายได้มากขึ้น
6.ขายต้นไม้
อาชีพเปลี่ยนรถกระบะให้กลายเป็นรถขายต้นไม้ ถือว่าสร้างรายได้ที่ดีในระดับหนึ่งสำคัญคือพื้นที่ในการขายควรเน้นไปตามหมู่บ้าน ตามสถานที่ชุมชน สินค้าส่วนใหญ่จะไปรับมาจากตลาดต้นไม้เช่นที่จตุจักร จากนั้นเอามาขายปลีกบวกกับต้นทุนค่าน้ำมัน เคล็ดลับคือควรเลือกต้นไม้ที่มีความคงทน ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น และควรมีเมล็ดพืชผัก อุปกรณ์การทำสวน ปุ๋ย ดิน ให้ลูกค้าสามารถเลือกได้อย่างครบวงจรจะช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น
7.ขายสินค้าเบ็ดเตล็ด
สินค้าเบ็ดเตล็ดได้แก่ ของพลาสติก อุปกรณ์ช่าง อุปกรณ์ทำความสะอาด ของประดับตกแต่งบ้าน เสื้อผ้ารองเท้า ฯลฯ ซึ่งรถกระบะสำหรับขายของเบ็ดเตล็ดเหล่านี้มีข้อดีคือสินค้าไม่มีวันหมดอายุ ขายไม่หมดวันนี้สามารถขายในวันอื่นๆ ได้ด้วย อย่างไรก็ดีการลงทุนคือสิ่งสำคัญเพราะต้องลงทุนค่อนข้างเยอะในการซื้อสินค้าต่างๆ เพราะหากมีสินค้าให้เลือกน้อย ลูกค้าก็จะไม่ได้สินค้าที่ต้องการ การลงทุนในลักษณะนี้จะมีรายได้หมุนเวียนแต่หากมีระบบการบริหารจัดการที่ดีอาจทำให้มีรายได้เหลือกินเหลือเก็บมากขึ้น
8.ขายก๋วยเตี๋ยว
เราสามารถดัดแปลงรถกระบะมาเน้นขายก๋วยเตี๋ยวได้ มีตัวอย่างที่น่าสนใจเช่น ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวเจ๊เบญ”บริเวณวงเวียนโอเดียนที่ดัดแปลงรถกระบะมาเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่คนติดใจอย่างมาก มีเมนูขึ้นชื่อคือ “ก๋วยเตี๋ยวผัดงี่เง่า” ที่เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ผัดใส่ไข่ กุ้งสด หมูเด้ง เซี่ยงจี๊ ปลาหมึกกรอบ เห็ดหอมและผักเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีเมนอื่นๆ ที่น่าสนใจเช่นก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ สุกี้ ผัดหมี่ฮ่องกง ผัดเซี่ยงไฮ้ทรงเครื่อง เป็นต้น ในแต่ละวันสามารถสร้างรายได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับคนที่สนใจให้คนอยากมีธุรกิจของตัวเองได้ดูเป็นแนวทาง
9.รถขายปลาหมึกย่าง
คล้ายกับการดัดแปลงรถกระบะมาเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว แต่คราวนี้ดัดแปลงมาขายปลาหมึกย่าง ที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็น จุดเด่นของรถกระบะขายปลาหมึกย่างคือการเคลื่อนที่ไปได้ทุกที่ และจะขายดีโดยเฉพาะในแหล่งชุมชน ตามตลาด หน้าโรงเรียน หมู่บ้าน ยิ่งหากมีน้ำจิ้มรสเด็ดเป็นเอกลักษณ์จะยิ่งขายดี แต่ความสำคัญของการขายปลาหมึกย่างคือการลงทุนวัตถุดิบที่ค่อนข้างสูง
รวมกับอุปกรณ์ต่างๆ ในรถเช่นถังน้ำแข็งแช่ปลาหมึก เตาปิ้งย่าง โหลบรรจุน้ำจิ้ม ป้ายชื่อร้าน ตะแกรงวางปลาหมึก ฯลฯ เคล็ดลับที่จะขายดีคือควรเลือกปลาหมึกที่หลากหลาย ทั้งชนิด ขนาด และควรมีหลายราคาเพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อได้ตามความเหมาะสม หากมีทำเลในการขายที่ดี มีระบบการบริหารจัดการร้านตัวเองที่ดี ก็สามารถสร้างรายได้ที่ดีอย่างมาก
10.ดัดแปลงเป็น FoodTruck
เป็นการดัดแปลงเอารถปิคอัพไปต่อเติม ใส่หลังคา และดีไซน์พื้นที่กระบะด้านหลังให้กลายเป็นร้านค้าเคลื่อนที่ เราจะเห็นรถประเภทนี้มากมาย เช่นขายขนมปัง สังขยา เครื่องดื่ม , ร้านขายชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นทอด , ร้านขนมจีบ ซาลาเปา ราคาการดัดแปลงนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพวัสดุที่ใช้ เฉลี่ยมีตั้งแต่ หลักหมื่นไปถึงหลักแสน แต่หลายคนมองว่าคุ้มค่า
ยกตัวอย่างพ่อค้าแม่ค้าบางคนวิ่งขายพวกเครื่องดื่ม มีขนมปัง สังขยา ร่วมด้วย สตาร์ทรถตั้งแต่เช้ากลับเข้าบ้าน 2 ทุ่ม มีกำไรหลังหักค่าน้ำมัน ค่าวัตถุดิบที่ใช้ขายเฉลี่ยวันละ 2,000 – 3,000 บาท ซึ่งถือว่าดีกว่าทำงานประจำ แต่ใช่ว่าทุกคนที่ขายจะมีรายได้แบบนี้ ขึ้นอยู่กับทำเลที่ขาย จังหวะการขายในแต่ละวัน แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่ดีของคนมีรถกระบะ
-----------------------------------------------------------------------------------
สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์
ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้
------------------------------------------------------------------------------------
💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙
📱Tel : 0840104252 📱0947805680
สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)
📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH
┏━━━━━━━━━┓
📲 LINE: @chatstick
┗━━━━━━━━━┛
หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM
🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran
🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio
Comments