top of page

📣แนะนำวิธีป้องกัน ไวรัสคอมพิวเตอร์


📣แนะนำวิธีป้องกัน ไวรัสคอมพิวเตอร์  📌ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus)  โปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาแผ่นดิสก์หรือแฟลชไดร์ฟที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้กับอีกเครื่องหนึ่ง การที่คอมพิวเตอร์ใดติดไวรัส หมายความว่าไวรัสได้เข้าไปผังตัวอยู่ในหน่วยความจำคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว การที่ไวรัสจะเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำได้นั้นจะต้องมีการถูกเรียกใช้ให้ทำงาน ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ใช้มักจะไม่รู้ตัวเลยว่า ขณะที่ตนเรียกใช้โปรแกรมหรือเปิดไฟล์ใดๆขึ้นมาทำงาน ก็ได้เรียกไวรัสขึ้นมาทำงานด้วย จุดประสงค์การทำงานของไวรัสแต่ละตัวขึ้นอยู่กับผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น เช่น อาจสร้างไวรัสให้ไปทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลอื่นๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแสดงข้อความวิ่งไปมาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น  📌ประเภทของไวรัสบนคอมพิวเตอร์ การทำงานของไวรัสคอมพิวเตอร์ คือ การแทรกเข้าไปฝังตัวอยู่บริเวณหน่วยความทรงจำ (ram) ของคอมพิวเตอร์ หลังจากนั้นไวรัสก็จะค่อย ๆ สร้างความเสียหายต่อระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ โดยมีการทำงานขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของไวรัสดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการทำลายข้อมูลภายในคอมพิวเตอร์ การโจรกรรมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินของเจ้าของคอมพิวเตอร์ หรือก่อกวนให้ไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างปกติ โดยอาจปรากฏในรูปของเมาส์เคลื่อนที่เอง ข้อความวิ่งไปมาบนหน้าจอ หรือไม่สามารถเปิดคอมพิวเตอร์ได้ เป็นต้น  ทั้งนี้ ไวรัสคอมพิวเตอร์มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน โดยสามารถสรุปได้ 7 ประเภท ดังนี้  1. หนอน (Worm) เป็นหนึ่งในไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทอันตราย ที่สามารถสร้างความเสียหายแก่คอมพิวเตอร์ได้อย่างร้ายแรง เนื่องจากมีคุณสมบัติสามารถแพร่กระจายไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนสามารถบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ เนื่องจากไวรัสหนอนสามารถกระจายตัวเข้าโจมตีระบบอย่างรวดเร็ว ทำให้การกำจัดทำให้ได้ยากมากขึ้น และจำเป็นจะต้องใช้แอนตี้ไวรัสที่มีศักยภาพสูงในการต่อกรกับไวรัสหนอนที่เข้ามาชอนไชระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์  2. บูตไวรัส (Boot Virus) ไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิดนี้แฝงอยู่ในแผ่นซีดีรอมหรือ Flash drive ที่จะเข้าจู่โจมคอมพิวเตอร์ทันที เมื่อฮาร์ดดิสก์เริ่มอ่านแผ่นซีดีดังกล่าว โดยพุ่งเป้าหมายไปที่มาสเตอร์บูตเรคคอร์ดก่อนจะเคลื่อนไปที่หน่วยความจำ และเริ่มต้นทำงานทันที เมื่อคอมพิวเตอร์เริ่มบูตเครื่องหลังจากเปิดคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสประเภทนี้จะไม่ได้แสดงอาการชัดเจน แต่มักจะมีการแพร่กระจายไปยังซีดีรอมระหว่างที่คอมพิวเตอร์กำลังบูตเพื่อปิดเครื่อง และด้วยวิธีการติดต่อเช่นนี้ ทำให้บูตไวรัสสามารถแพร่ไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ได้โดยไม่รู้ตัว  3. มาโครไวรัส (Macro Virus) เป็นอีกหนึ่งไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่งที่สามารถพบเจอได้ในการทำงาน โดยเฉพาะงานออฟฟิศที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับโปรแกรมเอกสารต่าง ๆ โดยมาโครไวรัสจะแทรกตัวมาในไฟล์เอกสาร อาทิ Microsoft Word หรือ Microsoft Excel มีคุณสมบัติในการส่งคำสั่งมาโครสำหรับงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสาร  4. ม้าโทรจัน (Trojan Horse) แม้ว่าโทรจันจะไม่สามารถเรียกได้อย่างเต็มปากว่าไวรัสคอมพิวเตอร์ แต่ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อก่อกวนและบ่อนทำลายการทำงานของคอมพิวเตอร์ไม่ต่างจากไวรัสประเภทอื่น ๆ โดยสรุป โทรจันคือชุดโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อหลอกล่อให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดและติดตั้ง โดยเชื่อว่าจะสามารถใช้งานไทว่าหลังจากติดตั้งแล้ว โทรจันกลับเข้าไปทำลายหรือโจรกรรมข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ก่อให้เกิดความเสียหายและความเจ็บใจที่ผู้ใช้งานเป็นคนชักศึกเข้าบ้านด้วยการถูกโทรจันหลอกให้ติดตั้งด้วยตัวเอง ไม่ต่างจากชาวเมืองทรอยที่ลากม้าโทรจันเข้าไปในกำแพงเมืองโดยชะล่าใจคิดว่าเป็นของที่ข้าศึกทิ้งไว้ กระทั่งตกดึกทหารข้าศึกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้โทรจันก็ปีนป่ายออกมายึดเมืองทรอยจากด้านใน จนเป็นที่มาของชื่อโทรจันที่เป็นกึ่งไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทนี้  5. สเทลต์ไวรัส (Stealth Virus) ไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทนี้มีคุณสมบัติในการอำพรางตัวสมชื่อ ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่ไฟล์ ๆ หนึ่งมีสเทลต์ไวรัสแฝงอยู่ ไฟล์นั้นจะไม่สามารถตรวจสอบขนาดไฟล์ที่แท้จริงได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะสเทลต์ไวรัสได้เข้าไปควบคุม DOS เบ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้วทำให้ไฟล์ดูปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ไม่สามารถดูขนาดไฟล์ได้ ทว่าแท้จริงแล้วไฟล์นั้นได้ถูกสเทลต์ไวรัสเข้าเล่นงานและอำพรางตัวอยู่คอยให้เราคลิกเข้าไปนั่นเอง  6. โพลีมอร์ฟิกไวรัส (Polymorphic Virus) เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ที่สามารถควบคุมกำจัดได้ยากมาก เนื่องจากมีคุณสมบัติในการ copy ตัวเองจนแพร่กระจายได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว หลายร้อยรูปแบบ โดยปัจจุบันมีไวรัสคอมพิวเตอร์ที่มีคุณสมบัติเช่นนี้จำนวนมาก ส่งผลให้การสแกนไวรัสเพียงลำพังวิธีการเดียวอาจไม่พอต่อการตรวจจับไวรัสประเภทนี้ทุกตัว จึงต้องใช้แอนตี้ไวรัสที่มีขีดความสามารถสูงและรอบด้านมากยิ่งขึ้น  7. ไฟล์ไวรัส (File Virus) ไวรัสประเภทนี้เป็นหนึ่งในไวรัสที่พบได้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่นิยมดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีจากอินเตอร์เน็ต โดยไวรัสจะแฝงตัวมาในรูปของไฟล์ติดตั้งโปรแกรมซึ่งส่วนใหญ่จะมีสกุล .exe เพราะฉะนั้น จึงควรเช็คแหล่งที่มาของโปรแกรม ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ก่อนจะโหลดไฟล์โปรแกรมเหล่านั้น เพราะอาจเป็นการชักศึกเข้าบ้านด้วยการนำไวรัสมาปล่อยลงในคอมพิวเตอร์ของตนเองได้หากไม่ระวัง  📌วิธีการป้องกัน ไวรัสคอมพิวเตอร์ 1. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและอัปเดตข้อมูลไวรัสอยู่เสมอ - ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะสม - สร้างแผ่น Emergency Disk เพื่อใช้ในการกู้ระบบ - อัปเดตข้อมูลไวรัสของโปรแกรมทุกวัน หรือ ทุกครั้งที่โปรแกรมแจ้งเตือนให้อัปเดต - เปิดใช้งาน auto-protect ถ้าโปรแกรมสนับสนุน - ตรวจสอบหาไวรัสทุกครั้งก่อนเปิดไฟล์จากแผ่นหรือสื่อบันทึกข้อมูลต่าง ๆ - ใช้โปรแกรมเพื่อทำการตรวจหาไวรัสบนเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์  2. ติดตั้งโปรแกรมอุดช่องโหว่(patch) โดยการอัปเดตซอฟต์แวร์และโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ ให้ใหม่อยู่เสมอ - ระบบปฏิบัติการ(OS) Windows , ระบบปฏิบัติการโปรแกรม Internet Explorer (IE) และโปรแกรม Microsoft Office เป็นต้น  3. ปรับแต่งให้ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานปลอดภัยสูงที่สุด - ปรับแต่งไม่ให้โปรแกรมที่ใช้อ่าน E-mail รันไฟล์แนบ(Attachment) โดยอัตโนมัติ - ถ้าใช้ Microsoft Office ไม่ควรอนุญาตให้รันมาโคร (macro) - ตั้งค่าระบบปฏิบัติการให้แสดงไฟล์ที่มีอยู่ทั้งหมด และแสดงนามสกุลของไฟล์ด้วยโดย ปรับ ค่าการทำงานที่ Folder Options ใน Tools ของ Windows Explorer  4. ระวังภัยจากการเปิดไฟล์จากสื่อบันทึกข้อมูล(Media) ต่าง ๆ - เช่น แผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี เทปแบ็กอัป เป็นต้น - สแกนหาไวรัสจากสื่อบันทึกข้อมูล ก่อนใช้งานทุกครั้ง - ไม่ควรเปิดไฟล์ที่มีนามสกุลแปลก ๆ ที่น่าสงสัย เช่น .pifเป็นต้น รวมทั้งไฟล์ที่มีนามสกุลซ้อนกัน เช่น .jpg,.exe ,.gif.scr , txt.exe เป็นต้น ให้ลบไฟล์นั้นทิ้งทันที - ไม่ใช้สื่อบันทึกข้อมูล ที่ไม่ทราบแหล่งที่มา  5. ใช้ความระมัดระวังในการเปิดอ่าน E-mail - อย่าเปิดไฟล์ที่แนบมากับ E-mail จนกว่าจะรู้ที่มา - อย่าเปิดอ่าน E-mail ที่มี Subject ที่เป็นข้อความจูงใจ - ลบ E-mail ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาทิ้งทันที เพื่อตัดปัญหาทั้งปวง  6. ตระหนักถึงความเสี่ยงของไฟล์ที่ดาวน์โหลด หรือได้รับจากทางอินเตอร์เน็ต - ไม่ควรเปิดไฟล์ที่แนบมากับโปรแกรมที่ใช้สนทนา เช่น ICQ , MSN เป็นต้น หรือการแลกเปลี่ยนไฟล์ โดยเฉพาะไฟล์ที่สามารถรันได้ เช่น ไฟล์ที่มีนามสกุล .exe , .pif , .com , .bat , .vbs เป็นต้นโดยไม่ได้ตรวจสอบแหล่งที่มาก่อน - ไม่ควรเข้าเว็บไซต์ที่มากับ E-mail หรือโปรแกรมสนทนาต่าง ๆรวมทั้งโฆษณาชวนเชื่อ หรือหน้าเว็บที่ปรากฏขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ - ไม่ดาวน์โหลดไฟล์ต่าง ๆ จากเว็บไซต์ที่ไม่มั่นใจ หรือไม่น่าเชื่อถือ - ติดตามข่าวสารข้อมุลการแจ้งเตือนไวรัสจากแหล่งข้อมูลด้านความปลอดภัยอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการแชร์ไฟล์โดยไม่จำเป็น ถ้าต้องการแชร์ไฟล์ ควรแชร์แบบอ่านอย่างเดียว และตั้งรหัสผ่านด้วย  📌การตรวจจับหรือสแกนไวรัส (Virus Scanner) ไวรัสคอมพิวเตอร์นั้นสามารถแพร่กระจายได้ในทุกแพลตฟอร์มและมีลักษณะข้ามพรมแดน ไม่เกี่ยงสัญชาติหรือประเทศ เพียงแค่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนโลกก็ตกเป็นเป้าหมายของไวรัสคอมพิวเตอร์ที่สามารถติดต่อและเคลื่อนจากคอมพิวเตอร์ในประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ โปรแกรมตรวจจับไวรัสคอมพิวเตอร์ด้วยวิธีการสแกน หรือ สแกนเนอร์ (Scanner) จึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์  โดยวิธีการทำงานของสแกนเนอร์จะดึงคุณสมบัติบางส่วนของไวรัสคอมพิวเตอร์เรียกว่า ไวรัสซิกเนเจอร์ (Virus Signature) หรือลายเซ็นลักษณะเฉพาะของไวรัส มาเก็บไว้เป็นฐานข้อมูลเพื่อให้เมื่อแอนตี้ไวรัสทำงานจะสามารถส่งสแกนเนอร์เข้าตรวจจับไวรัสโดยตามร่องรอยซิกเนเจอร์ดังกล่าวในหน่วยความจำ และ Boot Sectors ไม่ต่างจากการใช้สุนัขดมกลิ่นนั่นเอง  📌โปรแกรมป้องกันไวรัสหรือแอนตี้ไวรัสนั้นมีอยู่มากมายหลายประเภท แต่ล้วนมีคุณสมบัติเหมือนกัน คือ การตรวจจับ (identify) ขัดขวางและกำจัดการทำงานของไวรัสคอมพิวเตอร์ ผ่านการใช้เทคนิค 2 ประการ คือ 1. การตรวจสอบไฟล์ต้องสงสัยว่ามีร่องรอยของไวรัสคอมพิวเตอร์ที่เก็บบันทึกไว้ในฐานข้อมูล Virus Dictionary หรือไม่  2. สแกนเพื่อตรวจจับความผิดปกติของโปรแกรม ไฟล์ หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล อาทิ ซีดีรอม Flash drive ว่ามีพฤติกรรมที่เข้าข่ายว่ามีไวรัสคอมพิวเตอร์แฝงฝังอยู่หรือไม่ เพื่อดำเนินกักเก็บและทำลายในที่สุด  ----------------------------------------------------------------------------------- สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด  | รับสร้างแบรนด์  | รับทำการตลาดออนไลน์  | รับทำแผนการตลาดออนไลน์  | รับสร้างแบรนด์  | รับดูแล Facebook แฟนเพจ  | รับดูแล LINE OA    สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง   รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์ >> https://www.chatstickmarket.com/langran  ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้ >>https://www.chatstickmarket.com/portfolio  ------------------------------------------------------------------------------------  💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙 📱Tel : 0840104252 📱0947805680 สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์) 📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH  ┏━━━━━━━━━┓ 📲 LINE: @chatstick ┗━━━━━━━━━┛ หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM  🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran  🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

📣แนะนำวิธีป้องกัน ไวรัสคอมพิวเตอร์


📌ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus)

โปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาแผ่นดิสก์หรือแฟลชไดร์ฟที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้กับอีกเครื่องหนึ่ง การที่คอมพิวเตอร์ใดติดไวรัส หมายความว่าไวรัสได้เข้าไปผังตัวอยู่ในหน่วยความจำคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว การที่ไวรัสจะเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำได้นั้นจะต้องมีการถูกเรียกใช้ให้ทำงาน ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ใช้มักจะไม่รู้ตัวเลยว่า ขณะที่ตนเรียกใช้โปรแกรมหรือเปิดไฟล์ใดๆขึ้นมาทำงาน ก็ได้เรียกไวรัสขึ้นมาทำงานด้วย จุดประสงค์การทำงานของไวรัสแต่ละตัวขึ้นอยู่กับผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น เช่น อาจสร้างไวรัสให้ไปทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลอื่นๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแสดงข้อความวิ่งไปมาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น


📌ประเภทของไวรัสบนคอมพิวเตอร์

การทำงานของไวรัสคอมพิวเตอร์ คือ การแทรกเข้าไปฝังตัวอยู่บริเวณหน่วยความทรงจำ (ram) ของคอมพิวเตอร์ หลังจากนั้นไวรัสก็จะค่อย ๆ สร้างความเสียหายต่อระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ โดยมีการทำงานขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของไวรัสดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการทำลายข้อมูลภายในคอมพิวเตอร์ การโจรกรรมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินของเจ้าของคอมพิวเตอร์ หรือก่อกวนให้ไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างปกติ โดยอาจปรากฏในรูปของเมาส์เคลื่อนที่เอง ข้อความวิ่งไปมาบนหน้าจอ หรือไม่สามารถเปิดคอมพิวเตอร์ได้ เป็นต้น ทั้งนี้ ไวรัสคอมพิวเตอร์มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน โดยสามารถสรุปได้ 7 ประเภท ดังนี้


1. หนอน (Worm)

เป็นหนึ่งในไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทอันตราย ที่สามารถสร้างความเสียหายแก่คอมพิวเตอร์ได้อย่างร้ายแรง เนื่องจากมีคุณสมบัติสามารถแพร่กระจายไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนสามารถบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ เนื่องจากไวรัสหนอนสามารถกระจายตัวเข้าโจมตีระบบอย่างรวดเร็ว ทำให้การกำจัดทำให้ได้ยากมากขึ้น และจำเป็นจะต้องใช้แอนตี้ไวรัสที่มีศักยภาพสูงในการต่อกรกับไวรัสหนอนที่เข้ามาชอนไชระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์


2. บูตไวรัส (Boot Virus)

ไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิดนี้แฝงอยู่ในแผ่นซีดีรอมหรือ Flash drive ที่จะเข้าจู่โจมคอมพิวเตอร์ทันที เมื่อฮาร์ดดิสก์เริ่มอ่านแผ่นซีดีดังกล่าว โดยพุ่งเป้าหมายไปที่มาสเตอร์บูตเรคคอร์ดก่อนจะเคลื่อนไปที่หน่วยความจำ และเริ่มต้นทำงานทันที เมื่อคอมพิวเตอร์เริ่มบูตเครื่องหลังจากเปิดคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสประเภทนี้จะไม่ได้แสดงอาการชัดเจน แต่มักจะมีการแพร่กระจายไปยังซีดีรอมระหว่างที่คอมพิวเตอร์กำลังบูตเพื่อปิดเครื่อง และด้วยวิธีการติดต่อเช่นนี้ ทำให้บูตไวรัสสามารถแพร่ไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ได้โดยไม่รู้ตัว


3. มาโครไวรัส (Macro Virus)

เป็นอีกหนึ่งไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่งที่สามารถพบเจอได้ในการทำงาน โดยเฉพาะงานออฟฟิศที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับโปรแกรมเอกสารต่าง ๆ โดยมาโครไวรัสจะแทรกตัวมาในไฟล์เอกสาร อาทิ Microsoft Word หรือ Microsoft Excel มีคุณสมบัติในการส่งคำสั่งมาโครสำหรับงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสาร


4. ม้าโทรจัน (Trojan Horse)

แม้ว่าโทรจันจะไม่สามารถเรียกได้อย่างเต็มปากว่าไวรัสคอมพิวเตอร์ แต่ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อก่อกวนและบ่อนทำลายการทำงานของคอมพิวเตอร์ไม่ต่างจากไวรัสประเภทอื่น ๆ โดยสรุป โทรจันคือชุดโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อหลอกล่อให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดและติดตั้ง โดยเชื่อว่าจะสามารถใช้งานไทว่าหลังจากติดตั้งแล้ว โทรจันกลับเข้าไปทำลายหรือโจรกรรมข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ก่อให้เกิดความเสียหายและความเจ็บใจที่ผู้ใช้งานเป็นคนชักศึกเข้าบ้านด้วยการถูกโทรจันหลอกให้ติดตั้งด้วยตัวเอง ไม่ต่างจากชาวเมืองทรอยที่ลากม้าโทรจันเข้าไปในกำแพงเมืองโดยชะล่าใจคิดว่าเป็นของที่ข้าศึกทิ้งไว้ กระทั่งตกดึกทหารข้าศึกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้โทรจันก็ปีนป่ายออกมายึดเมืองทรอยจากด้านใน จนเป็นที่มาของชื่อโทรจันที่เป็นกึ่งไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทนี้


5. สเทลต์ไวรัส (Stealth Virus)

ไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทนี้มีคุณสมบัติในการอำพรางตัวสมชื่อ ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่ไฟล์ ๆ หนึ่งมีสเทลต์ไวรัสแฝงอยู่ ไฟล์นั้นจะไม่สามารถตรวจสอบขนาดไฟล์ที่แท้จริงได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะสเทลต์ไวรัสได้เข้าไปควบคุม DOS เบ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้วทำให้ไฟล์ดูปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ไม่สามารถดูขนาดไฟล์ได้ ทว่าแท้จริงแล้วไฟล์นั้นได้ถูกสเทลต์ไวรัสเข้าเล่นงานและอำพรางตัวอยู่คอยให้เราคลิกเข้าไปนั่นเอง


6. โพลีมอร์ฟิกไวรัส (Polymorphic Virus)

เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ที่สามารถควบคุมกำจัดได้ยากมาก เนื่องจากมีคุณสมบัติในการ copy ตัวเองจนแพร่กระจายได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว หลายร้อยรูปแบบ โดยปัจจุบันมีไวรัสคอมพิวเตอร์ที่มีคุณสมบัติเช่นนี้จำนวนมาก ส่งผลให้การสแกนไวรัสเพียงลำพังวิธีการเดียวอาจไม่พอต่อการตรวจจับไวรัสประเภทนี้ทุกตัว จึงต้องใช้แอนตี้ไวรัสที่มีขีดความสามารถสูงและรอบด้านมากยิ่งขึ้น


7. ไฟล์ไวรัส (File Virus)

ไวรัสประเภทนี้เป็นหนึ่งในไวรัสที่พบได้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่นิยมดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีจากอินเตอร์เน็ต โดยไวรัสจะแฝงตัวมาในรูปของไฟล์ติดตั้งโปรแกรมซึ่งส่วนใหญ่จะมีสกุล .exe เพราะฉะนั้น จึงควรเช็คแหล่งที่มาของโปรแกรม ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ก่อนจะโหลดไฟล์โปรแกรมเหล่านั้น เพราะอาจเป็นการชักศึกเข้าบ้านด้วยการนำไวรัสมาปล่อยลงในคอมพิวเตอร์ของตนเองได้หากไม่ระวัง


📌วิธีการป้องกัน ไวรัสคอมพิวเตอร์

1. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและอัปเดตข้อมูลไวรัสอยู่เสมอ

- ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะสม

- สร้างแผ่น Emergency Disk เพื่อใช้ในการกู้ระบบ

- อัปเดตข้อมูลไวรัสของโปรแกรมทุกวัน หรือ ทุกครั้งที่โปรแกรมแจ้งเตือนให้อัปเดต

- เปิดใช้งาน auto-protect ถ้าโปรแกรมสนับสนุน

- ตรวจสอบหาไวรัสทุกครั้งก่อนเปิดไฟล์จากแผ่นหรือสื่อบันทึกข้อมูลต่าง ๆ

- ใช้โปรแกรมเพื่อทำการตรวจหาไวรัสบนเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์


2. ติดตั้งโปรแกรมอุดช่องโหว่(patch) โดยการอัปเดตซอฟต์แวร์และโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ ให้ใหม่อยู่เสมอ

- ระบบปฏิบัติการ(OS) Windows , ระบบปฏิบัติการโปรแกรม Internet Explorer (IE) และโปรแกรม Microsoft Office เป็นต้น


3. ปรับแต่งให้ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานปลอดภัยสูงที่สุด

- ปรับแต่งไม่ให้โปรแกรมที่ใช้อ่าน E-mail รันไฟล์แนบ(Attachment) โดยอัตโนมัติ

- ถ้าใช้ Microsoft Office ไม่ควรอนุญาตให้รันมาโคร (macro)

- ตั้งค่าระบบปฏิบัติการให้แสดงไฟล์ที่มีอยู่ทั้งหมด และแสดงนามสกุลของไฟล์ด้วยโดย ปรับ ค่าการทำงานที่ Folder Options ใน Tools ของ Windows Explorer


4. ระวังภัยจากการเปิดไฟล์จากสื่อบันทึกข้อมูล(Media) ต่าง ๆ

- เช่น แผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี เทปแบ็กอัป เป็นต้น

- สแกนหาไวรัสจากสื่อบันทึกข้อมูล ก่อนใช้งานทุกครั้ง

- ไม่ควรเปิดไฟล์ที่มีนามสกุลแปลก ๆ ที่น่าสงสัย เช่น .pifเป็นต้น รวมทั้งไฟล์ที่มีนามสกุลซ้อนกัน เช่น .jpg,.exe ,.gif.scr , txt.exe เป็นต้น ให้ลบไฟล์นั้นทิ้งทันที

- ไม่ใช้สื่อบันทึกข้อมูล ที่ไม่ทราบแหล่งที่มา


5. ใช้ความระมัดระวังในการเปิดอ่าน E-mail

- อย่าเปิดไฟล์ที่แนบมากับ E-mail จนกว่าจะรู้ที่มา

- อย่าเปิดอ่าน E-mail ที่มี Subject ที่เป็นข้อความจูงใจ

- ลบ E-mail ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาทิ้งทันที เพื่อตัดปัญหาทั้งปวง


6. ตระหนักถึงความเสี่ยงของไฟล์ที่ดาวน์โหลด หรือได้รับจากทางอินเตอร์เน็ต

- ไม่ควรเปิดไฟล์ที่แนบมากับโปรแกรมที่ใช้สนทนา เช่น ICQ , MSN เป็นต้น หรือการแลกเปลี่ยนไฟล์ โดยเฉพาะไฟล์ที่สามารถรันได้ เช่น ไฟล์ที่มีนามสกุล .exe , .pif , .com , .bat , .vbs เป็นต้นโดยไม่ได้ตรวจสอบแหล่งที่มาก่อน

- ไม่ควรเข้าเว็บไซต์ที่มากับ E-mail หรือโปรแกรมสนทนาต่าง ๆรวมทั้งโฆษณาชวนเชื่อ หรือหน้าเว็บที่ปรากฏขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ

- ไม่ดาวน์โหลดไฟล์ต่าง ๆ จากเว็บไซต์ที่ไม่มั่นใจ หรือไม่น่าเชื่อถือ

- ติดตามข่าวสารข้อมุลการแจ้งเตือนไวรัสจากแหล่งข้อมูลด้านความปลอดภัยอยู่เสมอ

หลีกเลี่ยงการแชร์ไฟล์โดยไม่จำเป็น ถ้าต้องการแชร์ไฟล์ ควรแชร์แบบอ่านอย่างเดียว และตั้งรหัสผ่านด้วย


📌การตรวจจับหรือสแกนไวรัส (Virus Scanner)

ไวรัสคอมพิวเตอร์นั้นสามารถแพร่กระจายได้ในทุกแพลตฟอร์มและมีลักษณะข้ามพรมแดน ไม่เกี่ยงสัญชาติหรือประเทศ เพียงแค่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนโลกก็ตกเป็นเป้าหมายของไวรัสคอมพิวเตอร์ที่สามารถติดต่อและเคลื่อนจากคอมพิวเตอร์ในประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ โปรแกรมตรวจจับไวรัสคอมพิวเตอร์ด้วยวิธีการสแกน หรือ สแกนเนอร์ (Scanner) จึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์


โดยวิธีการทำงานของสแกนเนอร์จะดึงคุณสมบัติบางส่วนของไวรัสคอมพิวเตอร์เรียกว่า ไวรัสซิกเนเจอร์ (Virus Signature) หรือลายเซ็นลักษณะเฉพาะของไวรัส มาเก็บไว้เป็นฐานข้อมูลเพื่อให้เมื่อแอนตี้ไวรัสทำงานจะสามารถส่งสแกนเนอร์เข้าตรวจจับไวรัสโดยตามร่องรอยซิกเนเจอร์ดังกล่าวในหน่วยความจำ และ Boot Sectors ไม่ต่างจากการใช้สุนัขดมกลิ่นนั่นเอง


📌โปรแกรมป้องกันไวรัสหรือแอนตี้ไวรัสนั้นมีอยู่มากมายหลายประเภท แต่ล้วนมีคุณสมบัติเหมือนกัน คือ การตรวจจับ (identify) ขัดขวางและกำจัดการทำงานของไวรัสคอมพิวเตอร์ ผ่านการใช้เทคนิค 2 ประการ คือ

1. การตรวจสอบไฟล์ต้องสงสัยว่ามีร่องรอยของไวรัสคอมพิวเตอร์ที่เก็บบันทึกไว้ในฐานข้อมูล Virus Dictionary หรือไม่


2. สแกนเพื่อตรวจจับความผิดปกติของโปรแกรม ไฟล์ หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล อาทิ ซีดีรอม Flash drive ว่ามีพฤติกรรมที่เข้าข่ายว่ามีไวรัสคอมพิวเตอร์แฝงฝังอยู่หรือไม่ เพื่อดำเนินกักเก็บและทำลายในที่สุด


-----------------------------------------------------------------------------------

สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์

ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้

------------------------------------------------------------------------------------


💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙

📱Tel : 0840104252 📱0947805680

สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)

┏━━━━━━━━━┓

📲 LINE: @chatstick

┗━━━━━━━━━┛

หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM

🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran

🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

Comments


CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม2_2.png
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม3.png
Recent Posts
c24f0332fa3b87f8a304140403b893510_64100212_210625.jpg
244712625_300456528129611_2152723951836713111_n.jpg
5.png
4.png
Button Event สติกเกอร์.png
2.png
Button ChatStick Market.png
bottom of page