การทำ SEO ในยุคที่ Google ปรับอัลกอริทึมใหม่

การทำ SEO ในยุคที่ Google ปรับอัลกอริทึมใหม่

ในโลกของการทำการตลาดออนไลน์ การทำ SEO หรือการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงบนหน้าแรกของ Google ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ Google มีการปรับอัลกอริทึมอยู่เสมอ ทำให้การทำ SEO ในปัจจุบันมีความท้าทายมากขึ้น ซึ่งนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงนี้

ในปี 2023 ที่ผ่านมา Google ได้ปรับอัลกอริทึมครั้งใหญ่หลายครั้ง ทั้ง Helpful Content Update ที่เน้นคุณภาพของเนื้อหา, Spam Update ที่จัดการกับเว็บไซต์ที่ใช้กลโกงเพื่อเพิ่มอันดับ, Broad Core Update ที่ปรับระบบการจัดอันดับใหม่ ซึ่งส่งผลให้หลายเว็บไซต์มีอันดับที่เปลี่ยนแปลงไป บางเว็บดีขึ้น บางเว็บแย่ลง จึงเป็นสิ่งที่นักทำเว็บไซต์ต้องจับตามองและปรับแผนการทำ SEO ให้ทันท่วงที

ChatStick Team ได้สรุปแนวทางการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จในยุคที่ Google ปรับอัลกอริทึมใหม่ไว้ดังนี้

1. สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและมีประโยชน์ต่อผู้ใช้ โดยเน้นตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก ไม่เน้นปริมาณแต่เน้นคุณภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์สูงสุด และสามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Engagement และส่งผลดีต่อการจัดอันดับ

2. ทำ Keyword Research ให้ละเอียดและครอบคลุม โดยสำรวจคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ วิเคราะห์ Keyword ที่มีการแข่งขันสูงหรือต่ำ เลือกใช้ Keyword หลักและ Keyword รอง รวมถึงวางกลยุทธ์การใช้ Keyword ใน Content, Title, Meta Description, Headers ให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสติดอันดับสูงขึ้น

3. ปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นระเบียบ ใช้งานง่าย และเป็นมิตรกับ Mobile โดยการจัด Category ให้ชัดเจน, ใช้ URL ที่อ่านง่าย, ปรับความเร็วในการโหลดเพจให้เร็วขึ้น, ใช้ Internal Link เพื่อเชื่อมโยงหน้าต่างๆ ภายในเว็บ และใช้ Responsive Design เพื่อให้แสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน

4. สร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่ม Domain Authority และบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ โดยเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ไม่ควรใช้วิธีซื้อขายลิงก์หรือสร้างลิงก์เทียม เพราะอาจโดนลงโทษจาก Google ได้

5. เพิ่มความน่าเชื่อถือด้วย SSL Certificate หรือการเข้ารหัสข้อมูล เพื่อความปลอดภัยในการส่งผ่านข้อมูล เช่น ข้อมูลส่วนตัว, ข้อมูลบัตรเครดิต เพื่อสร้างความไว้วางใจให้แก่ผู้ใช้และ Google ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจัดอันดับ

6. ใช้ Schema Markup หรือการระบุรหัสพิเศษเพื่อบอก Google ว่าเนื้อหาแต่ละส่วนคืออะไร เช่น รีวิวสินค้า, เรตติ้ง, ราคา, สต็อกสินค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการแสดงผลใน Rich Snippet บนหน้าผลการค้นหา ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ได้มากขึ้น

7. มีการ Monitor ผลลัพธ์และปรับแผนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการติดตาม Ranking, Traffic, Bounce Rate, Engagement ผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น Google Analytics, Google Search Console เป็นต้น เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ รวมถึงพฤติกรรมผู้ใช้ และนำไปพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ผู้ทำ SEO จำเป็นต้องศึกษาและอัปเดตข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของ Google Algorithm รวมถึงพัฒนาทักษะและความรู้ให้ทันสมัยกับเทรนด์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่ง ChatStick Team มองว่า การทำ SEO ในยุคนี้จะต้องมุ่งเน้นที่คุณภาพของเนื้อหา ประสบการณ์ของผู้ใช้ และความน่าเชื่อถือเป็นหลัก รวมถึงคำนึงถึงการทำ SEO บน Search Engine อื่นๆ เช่น YouTube, Amazon ควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างการมองเห็นให้กับแบรนด์ให้มากขึ้น

สำหรับเจ้าของธุรกิจ SME ที่อาจมีทีมงานและงบประมาณจำกัด แต่ก็ไม่ควรละเลยการทำ SEO เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสามารถเริ่มต้นได้ด้วยตัวเอง เช่น การสร้างเนื้อหาคุณภาพ, การปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นระเบียบ, การติดตามผลลัพธ์อย่างสม่ำเสมอ และหากมีงบประมาณเพียงพอ ก็สามารถว่าจ้างบริษัททำ SEO ชั้นนำ ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงมาช่วยวางกลยุทธ์ให้ได้

สรุปว่าการทำ SEO ในยุค Google อัลกอริทึมใหม่นี้ ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ใช่แค่การทำ Keyword Stuffing หรือสร้าง Backlink เป็นจำนวนมากเหมือนในอดีต แต่ต้องเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้เป็นหลัก ผสมผสานกับกลยุทธ์ที่หลากหลาย ทั้งทางด้านเทคนิคและคอนเทนต์ รวมถึงติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว ท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

#SEO2024 #GoogleAlgorithmUpdate #การตลาดออนไลน์ #SMEMarketing #การสร้างแบรนด์ #ChatStickTeam