top of page

เทคนิคเปิดร้านกาแฟยังไงให้ปัง❗


เทคนิคเปิดร้านกาแฟยังไงให้ปัง❗


📍ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการ “เปิดร้านกาแฟ”

เป็นความฝันของหนุ่มสาวรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่อยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง ซึ่งในปัจจุบันร้านกาแฟเกิดขึ้นเยอะมากจนอาจเรียกว่าเป็นการแข่งขันทางธุรกิจที่ตนเองย่อมอยากเติบโตให้สุด สร้างรายได้สร้างอาชีพ สิ่งสำคัญลำดับแรกคือ ต้องมีการวางแผนการตลาดอย่างถูกต้อง รวมถึงมีการสร้างภาพลักษณ์และแบรนด์ของตนเองให้ชัดเจนเพื่อลูกค้าเกิดการจดจำ แต่นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีเทคนิคอีกหลาย ๆ ด้านที่อยากแนะนำดังนี้


📍ปริมาณร้านกาแฟในปัจจุบัน

หากไม่นับร้านกาแฟรายเล็กรายย่อยร้านริมทางในฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เริ่มจากบรรดาร้านกาแฟหากที่อยู่บนห้างสรรพสินค้า มีมากถึง 770 ราย เพิ่มขึ้น 2.12% ในจำนวนนี้เป็นร้านกาแฟสัญชาติไทย 100% จำนวน 691 ราย และต่างชาติร่วมทุน 79 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 2,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.40% รายได้รวม 12,260 ล้านบาท และนับตั้งแต่ 1 มกราคม – 10 กุมภาพันธ์ 2563 มีร้านกาแฟเปิดใหม่ถึง 18 ราย ส่วนใหญ่เป็นร้านกาแฟขนาดเล็ก โดยหากย้อนดูปี 2562 พบว่า อัตราการเปิดร้านกาแฟใหม่เติบโตสูงถึง 64.75% และอัตราการอยู่รอดของร้านกาแฟที่เปิดช่วงปี 2559-2563 ยังสูงถึง 94.7% มีอายุเฉลี่ยที่ 6 ปี และหากถามว่า “ร้านกาแฟที่มีรายได้รวมมากที่สุดคือใคร? ” คำตอบคงหนีไม่พ้น ‘สตาร์บัคส์’ (Starbucks) แบรนด์ดังยักษ์ใหญ่ ที่มีรายได้รวม 7,676 ล้านบาท


📍รูปแบบของร้านกาแฟ

หากพิจารณาโดยรวมจะพบว่าร้านกาแฟในเมืองไทยมีอยู่ 3 แบบด้วยกันคือ

1. Stand – Alone

เป็นอาคารอิสระหรือห้องเช่าที่มีพื้นที่ประมาณ 50 ต.ร.ม. ขึ้นไป ร้าน Stand – Alone อาจตั้งอยู่ตามย่านชุมชน ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน หรือพลาซ่าใหญ่ๆ


2. Corner หรือ Kiosk

ร้านกาแฟขนาดกลาง ใช้พื้นที่ประมาณ 6 ต.ร.ม.ขึ้นไป ลักษณะเป็นมุมกาแฟภายในอาคาร ศูนย์การค้า หรือพลาซ่า ร้านกาแฟประเภทนี้อาจจัดให้มีที่นั่ง จำนวนเล็กน้อย


3. Cart

ร้านกาแฟขนาดเล็กประเภทรถเข็น ใช้พื้นที่ประมาณ 3 ต.ร.ม. สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก หาทำเลที่ตั้งได้ง่าย ทำให้เข้าถึงตลาดได้ทุกระดับ


หากดูเรื่องงบประมาณการลงทุนในแบบรถเข็นหรือคีออสนั้นเราสามารถลงทุนได้ง่าย ถ้าไม่สนใจแฟรนไชส์ก็หาอุปกรณ์การขายเอง ออกแบบรถเข็นหรือคีออสกันเอง ดีไซน์ตามชอบใจแต่งบประมาณเบื้องต้นก็อยู่ในหลักหมื่นเป็นอย่างน้อย จะมีที่ต้องลงทุนมากหน่อย คือแบบ Stand Alone ที่จะใช้เงินลงทุนเริ่มแรกประมาณ 300,000 ถึง 1,500,000 บาท


ซึ่งโครงสร้างต้นทุนของร้านกาแฟรูปแบบนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน คือลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ประมาณ 90% ได้แก่ ค่าก่อสร้างออกแบบและตกแต่งสถานที่ ค่าวางระบบต่างๆ (ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ระบบเก็บเงิน) ค่าอุปกรณ์


รวมถึงต้องมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ 10% ได้แก่ ค่าวัตถุดิบสินค้า ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าจ้างพนักงาน ค่าเช่าพื้นที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เป็นต้น


📍การเลือกซื้อเมล็ดกาแฟด้วยตัวเอง

สิ่งสำคัญของคนที่อยากเปิดร้านกาแฟแบบไม่ซื้อแฟรนไชส์นอกเหนือจากการบริหารจัดการและลงมือทำเองทุกอย่าง อีกสิ่งที่จำเป็นต้องทำคือ “การเลือกเมล็ดกาแฟ” ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของร้านกาแฟ การซื้อเมล็ดกาแฟที่ดีก็ควรจะต้องดู วันเดือนปีผลิตและวันหมดอายุ ปกติกาแฟเมื่อเก็บในถุงฟอยด์ ที่วางขายจะมีอายุในช่วง สูงสุด 6 – 12 เดือน ขึ้นกับชนิดของถุงที่บรรจุ เพราะคุณภาพจะลดลงตามกาลเวลา


โดยกาแฟจะหอมที่สุดเมื่อคั่วได้ 5 วัน และจะค่อยๆลดระดับลงเรื่อยๆ เวลาเลือกซื้อ อย่าลืม ดูถุงที่ใหม่ ได้กาแฟหอมกรุ่นกว่า และควรเลือกถุงขนาดเล็ก ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 200-250 กรัม และควรใช้ให้หมดใน 1 สัปดาห์เมื่อเปิดถุงแล้วถุงกาแฟที่ระบุว่า Single Origin พร้อมชื่อเมืองต่างๆ แสดงว่าเป็นอราบิก้าของที่นั่น มีเทคนิคการคั่วที่ดี และเป็นรสชาติพิเศษของที่นั่น เช่น Omkoi Estate หากข้างซองระบุว่า Espresso คือเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วใน ระดับเข้ม หรือ Dark Roast


ส่วนซองที่ระบุว่า Medium Roast คือ เมล็ดกาแฟที่คั่วระดับกลาง ดื่มได้เรื่อยๆ เหมาะสำหรับเสิร์ฟในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าผู้ดื่มชอบรสแบบไหน ควรซื้อกาแฟในซองระบายอากาศ Freshness wolves เพราะว่าเมล็ดกาแฟจะคายอากาศและความชื้นตลอดเวลา หากการระบายอากาศไม่ได้จะเสียคุณภาพเร็วยิ่งขึ้น และมีผลให้กาแฟมีกลิ่นไม่พึ่งประสงค์เก็บเมล็ดกาแฟให้พ้นแสงแดดการเก็บควรที่จะเก็บในขวดสุญญากาศ อย่าเก็บเม็ดในตู้เย็นเพราะว่าเมื่อออกจากตู้เจออากาศร้อนเมล็ดกาแฟจะชื้น ทำให้ติดกับเครื่องบดและมีกลิ่นจากตู้เย็นมาติดด้วย


📍3 วิธีเริ่มทำร้านกาแฟแบบไม่ซื้อแฟรนไชส์

1. เริ่มจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่

สำหรับบางคนที่มีธุรกิจอื่นๆ อาจต่อยอดจากสิ่งที่ทำ เช่น หากมีร้านหนังสือ, ร้านล้างรถ, ร้านจัดดอกไม้ หรือแม้แต่ร้านซักรีด ,ร้านสารพัดบริการ , ร้านอาหาร ฯลฯ ข้อดีของการลงทุนต่อยอดแบบนี้คือลดค่าใช้จ่ายไม่ต้องซื้ออุปกรณ์มาก แค่อุปกรณ์ที่สำคัญและจำเป็นในการผลิตเครื่องดื่มกาแฟ เช่นลงทุนซื้อเครื่องชงกาแฟ ซึ่งก็มีหลากหลายราคา ข้อดีอีกอย่างคือฐานลูกค้าที่เรามีอยู่แล้ว การมีเครื่องดื่มกาแฟจะเป็นตัวเลือกให้ลูกค้ามากขึ้นได้ด้วย


2. ร้านกาแฟแบบรถเข็น

ร้านกาแฟแบบรถเข็น มีข้อดีคือการเคลื่อนที่เข้าหาลูกค้าได้ แต่ลงทุนแบบนี้ต้องอาศัยขยัน มุ่งมั่นและทำจริง ค่าใช้จ่ายในการลงทุนก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของรถเข็น หรือหากเป็นแนวฟู้ดทรัค ก็อาจต้องลงทุนระดับ400,000 – 500,000 บาท (ขึ้นอยู่กับสภาพของรถ และการตกแต่ง และอุปกรณ์) ปัจจุบันเราจะเห็นทั้งคนที่สนใจลงทุนแบบแฟรนไชส์หรือหลายคนก็ทำเป็นธุรกิจตัวเองและเมื่อขายดีมีลูกค้ามากขึ้นอาจลองเปลี่ยนมาเป็นแฟรนไชส์ซอ ขายแฟรนไชส์ให้กับคนสนใจอีกทอดหนึ่งก็ได้เช่นกัน


3. ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้า (Shop)

คิดจะเปิดร้านกาแฟลักษณะนี้ ข้อดีคือมีความเป็นพรีเมี่ยมและเป็นทำเลที่คนพลุกพล่านและน่าสนใจ แต่ต้องใช้เงินลงทุนสูงมากตั้งแต่หลักแสนปลายๆ ไปจนถึงหลักล้าน เพราะต้องตกแต่งสถานที่ให้สวยงามโดดเด่น มีทั้งเคาท์เตอร์ขนาดใหญ่ และพื้นที่นั่งของลูกค้าเป็นสัดส่วน ร้านลักษณะนี้นอกจากลงทุนสูงแล้ว ค่าเช่ามักจะแพงมาก


โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เราจึงต้องวิเคราะห์ทำเลและประเมินว่าทำเลเช่นนี้จะทำรายได้ให้เราเพียงพอสำหรับจ่ายค่าเช่าหรือไม่ เช่น หากวิเคราะห์แล้วทำเลเช่นนี้ทำรายได้ เกินเดือนละ 1 ล้านบาท แม้ว่าค่าเช่าจะแพงถึงเดือนละ 200,000 บาท ก็ถือว่าค่าเช่าไม่แพง เพราะหักค่าเช่าและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้วเรายังเหลือกำไรอีกมาก


แต่หากเปรียบเทียบกับอีกพื้นที่หนึ่ง ค่าเช่าเพียง 30,000 บาท วิเคราะห์แล้วทำเลนี้ก็ถือว่าแพงเกินไป เพราะหักค่าเช่าและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไปแล้ว เราอาจขาดทุนหรือกำไรเพียงไม่กี่พันบาท หรือน้อยกว่านี้ จึงไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ที่จะเช่าพื้นที่นี้


📍10 ขั้นตอนก่อนคิดเปิดร้านกาแฟ (แบบไม่ซื้อแฟรนไชส์)

เมื่อรู้รูปแบบของร้านกาแฟ รู้วิธีการว่าเราต้องทำอะไรบ้างสำหรับการเปิดร้านกาแฟ ทีนี้ลองมาสรุปเป็นลำดับขั้นให้มองเห็นภาพว่าคิดเปิดร้านกาแฟแบบไม่ซื้อแฟรนไชส์เริ่มต้นแบบไหนอย่างไรดี


1. ดูงบประมาณ

สำรวจตัวเองว่าจะใช้งบประมาณในการเปิดร้านเท่าไหร่ ร้านรูปแบบไหน และควรมีเงินสำรองไว้สำหรับหมุนเวียนในธุรกิจด้วย ไม่ว่าจะเปิดร้านแบบพรีเมี่ยม แบบฟู้ดทรัค หรือต่อเติมจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่ก็ต้องดูงบประมาณเช่นกัน


2. หาทำเลที่เหมาะสม

โดยดูกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นหลัก หากเป็นพื้นที่เช่าก็ต้องพิจารณาค่าเช่า และอัตราความเสี่ยงในระยะยาวด้วยว่าจะคุ้มค่าในการลงทุนแค่ไหน


3. ตั้งชื่อร้าน

ด้วยความที่ร้านกาแฟมีมากทุกตรอกซอกซอย การตั้งชื่อจึงสำคัญที่ควรมีจุดเด่นและต้องมีโลโก้ โดยเฉพาะบนบรรจุภัณฑ์ที่ใส่เครื่องดื่มจะช่วยในการประชาสัมพันธ์ร้านได้มาก


4. ออกแบบตกแต่งร้าน

ขึ้นอยู่กับงบประมาณในเบื้องต้น ถ้ามีเงินทุนมากอาจแต่งสวยหรู หรือจ้างบริษัทในการออกแบบ แต่หากต้นทุนน้อยก็อาจต้องลงมือทำเอง สำคัญคือต้องออกแบบให้มีบรรยากาศผ่อนคลาย สมกับเป็นร้านกาแฟ


5. คัดเลือกรายการเมนูที่จะขาย

เราต้องรู้ว่าในร้านกาแฟของเราจะมีเมนูอะไรที่ขายบ้าง จะมีสินค้าอะไรเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าบ้าง เช่นเบเกอรี่ อาหารคาวหวานต่างๆ เบื้องต้นควรเลือกเมนูที่น่าสนใจอย่าเพิ่งใส่เมนูเยอะเกินไป


6. หาซื้ออุปกรณ์ภายในร้าน

หากเป็นการลงทุนแบบแฟรนไชส์เราจะหมดกังวลเรื่องนี้เพราะแฟรนไชส์จะจัดอุปกรณ์พร้อมเปิดร้านให้เรา แต่ถ้าลงทุนเองเราต้องสำรวจว่าร้านเราต้องใช้อุปกรณ์อะไร และเริ่มสำรวจราคา เพื่อให้การซื้อนั้นได้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพในราคาไม่แพง


7. เรียนรู้เทคนิคการชงกาแฟและเครื่องดื่ม

อย่าคิดว่าการชงกาแฟจะเป็นเรื่องง่ายๆ ใส่แค่กาแฟกับน้ำร้อนก็จบ ความจริงศาสตร์ของการชงกาแฟมีสิ่งที่เราควรเรียนรู้เพื่อรสชาติของกาแฟที่ดี ปัจจุบันมีคอร์สที่สอนชงกาแฟหลายที่ เราควรเลือกเรียนเพื่อความรู้ที่มากขึ้นก่อนเปิดร้าน


8. หาพนักงานและฝึกพนักงานให้ชำนาญ

หากเป็นร้านขนาดใหญ่มีลูกจ้าง 1-2 คน ก็ควรหาพนักงานที่รับผิดชอบและถ่ายทอดวิธีการให้ลูกจ้างได้ทำจนชำนาญหากพนักงานไว้ใจได้เมื่อไหร่ในฐานะเจ้าของร้านก็จะเหนื่อยน้อยลงด้วย


9. เตรียมชุดพนักงาน

จัดซื้ออุปกรณ์ เครื่องใช้ทั้งหมดตามรายการที่ได้เตรียมไว้ เป็นขั้นตอนที่ใกล้จะได้เปิดร้าน เพื่อความเป็นเอกลักษณ์และมีจุดขายก็ควรมีฟอร์มของพนักงานหรือหากขายเองไม่จ้างใคร ก็ควรมีชุดที่ใส่สำหรับการขายกาแฟโดยเฉพาะ


10. เตรียมแผนการเปิดร้าน

คำนวณจุดคุ้มทุน วางแผนการขาย ก่อนจะกำหนดวันเปิดร้าน เราต้องวางแผนการขายให้ดี ตั้งเป้าหมายในการเปิดร้านว่าจะก้าวไปถึงจุดไหนในเวลาเท่าไหร่ เป็นการสะสมและเรียนรู้เพิ่มประสบการณ์ และควรมีการประเมินยอดขายเป็นระยะๆ ด้วย


-----------------------------------------------------------------------------------

สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์

ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้

------------------------------------------------------------------------------------


💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙

📱Tel : 0840104252 📱0947805680

สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)

┏━━━━━━━━━┓

📲 LINE: @chatstick

┗━━━━━━━━━┛

หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM

🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran

🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

แท็ก:

ดู 44 ครั้ง

Comments


CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม2_2.png
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม3.png
Recent Posts
c24f0332fa3b87f8a304140403b893510_64100212_210625.jpg
244712625_300456528129611_2152723951836713111_n.jpg
5.png
4.png
Button Event สติกเกอร์.png
2.png
Button ChatStick Market.png
bottom of page