เคล็ด(ไม่ลับ)ขายของออนไลน์ยังไงให้ปัง✨
เคล็ด(ไม่ลับ)ขายของออนไลน์ยังไงให้ปัง✨
ธุรกิจที่กำลังมาแรงคงหนีไม่พ้นการ ขายของออนไลน์ แน่นอน โดยเฉพาะหลังจากผ่านช่วงวิกฤตโควิด-19 มีธุรกิจหลายเจ้าที่ผันตัวมาทำออนไลน์กันมากขึ้น
แต่การจะทำให้ร้านค้าของเราแจ้งเกิดบนโลกออนไลน์ได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน มีทั้งคนที่ทำแล้วรุ่ง และคนที่ทำแล้วร่วง หากคุณอยากให้ร้านค้าของคุณประสบความสำเร็จ นี่คือ 7 ขั้นตอน ขายของออนไลน์ ที่คุณต้องรู้
1. เวลาในการโพสต์
วันธรรมดา:
วันธรรมดาที่คนส่วนมากจะใช้เวลาไปกับการทำงานซะเป็นส่วนใหญ่ และอาจไม่มีเวลาว่างที่จะมานั่งเช็คเฟสบุ๊คมากนักแบบนี้ ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะโพสต์อาจแบ่งออกเป็นสามเวลาคือ เช้าตรู่ที่ผู้คนอาจใช้เวลาอยู่กับการเดินทางตั้งแต่เวลา 6:00 – 8:00 น. ช่วงเวลาพักกลางวันตั้งแต่เวลา 11:00 – 13:00 น. และช่วงหลังเลิกงานเป็นต้นไปประมาณ 19:00 – 21:00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ หรือ วันหยุด:
วันเสาร์-อาทิตย์ และ วันหยุดจะเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่อาจใช้เวลาไปกับการผ่อนคลาย และสามารถใช้มือถือและอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการโพสต์จะโพสต์ในช่วงเวลาใดก็ได้ที่ไม่เช้ามากเกินไป นั่นก็เพราะอาจจะมีมนุษย์เงินเดือนที่เลือกที่จะผ่อนคลายด้วยการตื่นค่อนข้างสายนั่นเอง ช่วงเวลาที่เหมาะสมอาจโพสต์ได้ตั้งแต่ประมาณ 10:00 – 22:00 น.
ช่วงเวลาที่ไม่ควรโพสต์
หลายคนมองว่าการโพสต์ขายของนั้นไม่ควรโพสต์ช่วงเวลาที่ดึกมากจนเกินไป เพราะเป็นช่วงเวลาที่คนงดการเล่นมือถือและเข้านอนกันแล้ว อย่างไรก็ตาม หากว่าคุณคิดว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นกลุ่มนักศึกษาหรือวัยรุ่นที่มีแนวโน้มที่จะเข้านอนดึก ก็อาจจะเลือกโพสต์ในช่วงเวลาที่ดึกไปกว่า 22:00 น. ได้
2. ระวังคำต้องห้าม
เฟสบุ๊คนั้นมีอัลกอริทึ่มหรือระแบบตรวจสอบเนื้อหาที่ทำงานอย่างหนักในการคัดกรองเนื้อหาที่เข้าข่ายผิดกฎของเฟสบุ๊ค เช่น การโฆษณาเกินจริง ประเด็นทางสังคมที่ละเอียดอ่อน หรือเนื้อหาใดๆ ที่ (ระบบคัดกรองเข้าใจว่า) เข้าข่ายเป็นการหลอกลวง หรือเป็นภัยต่อสังคม โดยระบบการคัดกรองที่ชาญฉลาดของเฟสบุ๊คจะสามารถตรวจจับได้ตั้งแต่รูปภาพและกลุ่มคำ ตัวอย่างกลุ่มคำที่อาจทำให้โดนปิดการมองเห็น ได้แก่ เนื้อหาจำพวกอาหารเสริมและยาลดน้ำหนัก เช่น “ขาวไว” “ผอมไว” “เห็นผล 100%” “การันตี 100%” หรือ “ช่องทางรวย” เช่นนี้เป็นต้น
3. โพสต์ภาพสินค้าให้สวย น่ามอง
อย่าลืมว่าการถ่ายรูปสินค้านั้นรูปภาพที่ออกมาควรมีความคมชัดสูง จะต้องรู้มุม (ถ่ายหลายๆ มุม) และใช้แสง Natural Light และ/หรือการจัดไฟให้เป็นประโยชน์ เพราะเป็นแสงธรรมชาติที่หลอกตาน้อยที่สุด การแต่งสีรูปอาจจะทำให้รูปออกมาดูดี แต่อาจทำให้สีผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง และเกิดการคอมเพลนขึ้นมาในภายหลังได้
ภาพถ่ายสินค้ามีผลเป็นอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้กับการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เพราะเมื่อไม่สามารถเห็นและสัมผัสสินค้าได้เอง การโพสต์รูปที่สร้างความรู้สึกเหมือนเห็นรายละเอียดสินค้าได้ชัดเจน จะสามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจที่จะซื้อ แถมยังช่วยประหยัดเวลาในการตอบคำถามบางคำถามได้ด้วย สินค้าบางอย่างที่รับมาขาย อาจมีรูปภาพสำเร็จรูปที่สามารถนำมาใช้ได้เลย แต่ถ้าหากว่าตัวคุณสามารถสร้าง Gallery ภาพสินค้าในมุมต่างๆ ได้เพิ่มเติม ก็จะเป็นการดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้เห็นสินค้าจริงๆ
4. โพสต์ข้อมูลสินค้าครบถ้วน
การแย่งความสนใจช่วงหนึ่งฝ่ามือจากลูกค้าได้ถือว่ายากมากแล้ว เพราะฉะนั้นหากเราทำให้ลูกค้าสนใจโพสต์ได้ก็ต้องถือโอกาสที่มีค่านี้บอกข้อมูลที่สำคัญให้ครบถ้วน เพื่อที่ลูกค้าจะได้ตัดสินใจได้ทันที บอกข้อมูลประเภทสินค้าให้ชัดเจน บอกว่าสินค้าจะมีประโยชน์อย่างไรในชีวิตประจำวัน บอกขนาด น้ำหนัก สี ความกว้าง ความสูง ฟังก์ชั่นการใช้งาน และคุณสมบัติต่างๆ ให้เรียบร้อย เรียกได้ว่าเอาให้เคลียร์ในโพสต์เดียวจบ ชนิดที่อ่านแล้วไม่ต้องมีคำถามอีก แต่ก็พยายามไม่ยืดเยื้อจนเกินไป
5. ถ้าโพสต์ขายในกลุ่ม ต้องเคารพกฎของกลุ่มด้วย
สำหรับในกลุ่มต่างๆ ที่รวมคนที่มีความสนใจเหมือน หรือใกล้เคียงกันไว้บนเฟสบุ๊คนั้น การเข้ากลุ่มเพื่อไปโพสต์ขายของก็ต้องดูให้ดีด้วยว่ากฎของกลุ่มมีอะไรบ้าง ถ้าหากกฎของกลุ่มบอกไว้ชัดเจนว่าห้ามขายของ เราก็ไม่ควรที่จะละเมิดกฎแล้วโพสต์ขายของ ในส่วนของกลุ่มที่ให้โพสต์ขายของได้ ก็ต้องดูกฎและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เช่น สามารถโพสต์ขายสินค้าประเภทไหนได้บ้าง โพสต์ได้สัปดาห์ละกี่ครั้ง
6. ใช้คีย์เวิร์ดและแฮชแท็ก
อย่าลืมใส่คีย์เวิร์ดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า รวมไปถึงแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องด้วย การใส่คีย์เวิร์ดและแฮชแท็กนั้นสำคัญก็ตรงที่จุดประสงค์ในการใช้มันเพื่อค้นหา กลุ่มคนที่อาจจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่มีความสนใจตรงกัน ซึ่งอาจเป็นการใช้ของยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน หรือชอบสินค้าอะไรเหมือนกัน เผื่อการเข้ามาส่องแท็ก หรือการค้นหาด้วย Search Bar จะทำให้ลูกค้าเข้ามาเห็นโพสต์ของเรานั่นเอง
7. โพสต์ราคาให้ชัดเจน
นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้าแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเลยก็ว่าได้นั่นก็คือ ราคาของสินค้านั่นเอง ซึ่งในอดีตนั้นร้านในเฟสบุ๊คมักจะไม่เปิดเผยราคาสินค้า เพราะกลัวคู่แข่งที่ขายสินค้าประเภทด้วยกันขายตัดราคา เลยคิดว่าให้ลูกค้าถามใน Inbox จะดีกว่า แต่ตอนนี้วิธีการปกปิดราคาเป็นเรื่องที่ล่าสมัยไปแล้ว นอกจากจะดูเป็นร้านที่หมกเม็ด เครดิตดูแย่ในสายตาของลูกค้า
Tips
สำหรับร้านค้าที่มองไม่เห็นทางว่าเราควรจะพัฒนายังไงต่อไป แนะนำให้ “ศึกษาจากคู่แข่ง” คู่แข่งของเราขายสินค้าช่องทางไหนบ้าง มีวิธีการโปรโมทยังไงให้น่าสนใจ รูปภาพ การเขียนแคปชั่น กิจกรรมทางการตลาด การตลาดของคู่แข่งในแต่ละช่องทางเขาทำยังไง การศึกษาจาก Case Study จากคู่แข่ง จะช่วยให้เรามีแนวทางในการพัฒนาร้านค้าได้อย่างแน่นอน
-----------------------------------------------------------------------------------
สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์
ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้
------------------------------------------------------------------------------------
💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙
📱Tel : 0840104252 📱0947805680
สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)
📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH
┏━━━━━━━━━┓
📲 LINE: @chatstick
┗━━━━━━━━━┛
หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM
🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran
🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio
Comments