นักขายดิจิทัล คืออะไร ❓ ข้อควรรู้ถ้าอยากเป็นสุดยอดนักขายดิจิทัล
นักขายดิจิทัล คืออะไร ❓ ข้อควรรู้ถ้าอยากเป็นสุดยอดนักขายดิจิทัล
🔸นักขายดิจิทัล คืออะไร ?
นักขายดิจิทัล คือ นิยามของนักขาย พนักงานขาย เจ้าหน้าที่การขาย หรือ พ่อค้าแม่ค้า ที่ทำงานด้านการขาย โดยเน้นไปที่การดำเนินกิจกรรมทางการขาย ในช่องทาง ดิจิทัล (Digital Channel) หรือ ช่องทางออนไลน์ ทุกๆรูปแบบ เช่น โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก แอพพลิเคชั่น เว็บไซต์ อีเมล หรือ การส่งข้อความผ่าน Messenger และ อื่นๆ
คุณอาจจะ เคย หรือ ยังไม่เคย ได้ยินคำนี้ แต่รับประกันว่าคำๆนี้ จะเป็นที่นิยมและได้ยินกันติดหูมากขึ้น ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป และ ในอนาคตอันใกล้ ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้ว่าความหมายของนักขายดิจิทัล จริงๆแล้ว คืออะไรกันแน่ และ เรียนรู้เทคนิคในทางปฏิบัติที่จะสามารถทำให้คุณกลายเป็นสุดยอดนักขายดิจิทัล ได้แน่นอน
🔸ความเข้าใจผิดของการเป็น “นักขายดิจิทัล”
ยังมีความเข้าใจ ผิดอยู่เป็นส่วนมากในการพยายามปิดการขายให้ได้ในช่องทางดิจิตอลซึ่งในความเป็นจริงแล้วกิจกรรมทางการขายสำหรับสินค้าในบางรูปแบบจะไม่สามารถทำได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ในช่องทางดิจิทัล แต่จะใช้ช่องทางนี้เพื่อเป็นการนำเสนอให้ข้อมูลหรือดำเนินกิจกรรมบางส่วนจะขายเท่านั้น ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเทคนิคในการปฏิบัติตัวให้เป็นสุดยอดนักขายดิจิทัล เรื่องราวต่อไปนี้จะช่วยทำให้คุณเข้าใจได้มากขึ้นว่าในลักษณะของการขายในช่องทางออนไลน์หรือการขายในรูปแบบดิจิทัลยังมีความเข้าใจผิดอะไรอยู่บ้าง มี 3 ข้อ ดังนี้
1. เข้าใจว่าสินค้าทุกชนิดสามารถปิดการขายในโลกดิจิทัลได้ทันที
ในรูปแบบของสินค้านั้นเพื่อเป็นความเข้าใจที่ชัดเจนสำหรับการใช้ช่องทางดิจิทัลหรือช่องทางออนไลน์จะต้องแบ่งแยกสินค้าให้ชัดเจนในลักษณะนี้
สินค้าที่คนซื้อมีความเกี่ยวข้องด้วยสูง High Involvement Product
👉เป็นสินค้า ที่ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อบ่อยๆ
👉เป็นสินค้า ที่มีรายละเอียดและซับซ้อนสูง
👉เป็นสินค้า ราคาแพง
👉เป็นสินค้า จำเป็นต้องมีการค้นคว้าหาข้อมูลระดับหนึ่งก่อนมีการตัดสินใจซื้อ
คำแนะนำ: สำหรับนักขายดิจิทัล จะใช้ช่องทางออนไลน์หรือสื่อดิจิทัลในการนำเสนอข้อมูลสินค้าชนิดนี้เท่านั้น แต่สำหรับการปิดการขายจะใช้ช่องทางปกติหรือไปปิดการขายด้วยการสนทนาลักษณะบุคคลต่อบุคคลมากกว่า
สินค้าที่คนซื้อมีความเกี่ยวข้องด้วยต่ำ Low Involvement Product
👉เป็นสินค้า ที่จำเป็นต้องซื้ออยู่เสมอๆ
👉เป็นสินค้า ราคาไม่แพง
👉เป็นสินค้า ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลในการตัดสินใจซื้อหรือสามารถตัดสินใจซื้อได้โดยไม่ต้องคิด
คำแนะนำ: สำหรับนักขายดิจิทัล จะใช้ช่องทางดิจิทัล ในการกระตุ้นความต้องการซื้อของลูกค้ารวมถึงนำเสนอโปรโมชั่นและที่สำคัญที่สุดสามารถปิดการขายได้ผ่านช่องทางดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์ทันที
2. เข้าใจว่าการทำการตลาดออนไลน์กับการขายแบบดิจิทัล คือ เรื่องเดียวกัน
นักขาย หลายต่อหลายคน ยังมีความเข้าใจผิดหรือการไม่สามารถแยกหน้าที่หรือความแตกต่างระหว่างการ ทำการตลาดออนไลน์ Digital Marketing กับ การขายแบบดิจิทัล Digital Selling จึงทำให้การขายหรือการทำให้ยอดขายสินค้าเพิ่มขึ้นนั้นเป็นไปได้ยากหรือเรียกได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจหรือค้าขายสินค้าในช่องทางออนไลน์นั่นเอง
3.เข้าใจว่าการขายแบบดิจิทัลมีช่องทาง Facebook อย่างเดียว
ความเข้าใจผิดส่วนใหญ่ซึ่งเป็นกระแสตามเทรนความนิยมของ Social Network ที่ 95 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยในโลกอินเทอร์เน็ตใช้กันนั่น คือ Facebook จึงทำให้นักขายทั่วไปเข้าใจว่าสินค้าทุกชนิดการขายทุกรูปแบบสามารถปิดการขายได้ผ่านช่องทาง Facebook อย่างเดียวหรือมองเห็นแต่เพียง Social Media ที่เรียกว่า Facebook เพื่อเป็นเครื่องมือในการขายอย่างเดียวเท่านั้นจนทำให้ลืมไปว่ายังมีอีกหลายรูปแบบ ในช่องทางดิจิทัลที่ใช้นำเสนอสินค้ารวมถึงสร้างโอกาสการขายสำหรับนักขายดิจิทัลได้ดีกว่า Facebook ด้วยซ้ำ
เมื่อเรารู้ความเข้าใจผิดและได้ทำความเข้าใจให้ถูกต้องแล้วเราก็จะสามารถเริ่มต้นที่จะปฏิบัติตัวเป็น นักขายดิจิทัล ที่ดีได้แต่บทความนี้ต้องการนำเสนอแนะนำเทคนิคต่างๆเพื่อเป็นประโยชน์ในการขายหรือการให้ข้อมูลสินค้ากระตุ้นผู้ซื้อให้ต้องการซื้อสินค้าจนสามารถทำให้คุณก้าวสู่สุดยอด นักขาย ดิจิทัล ได้ ดังนั้นเราจึงขอนำเสนอ
🔸7 เทคนิค ก้าวสู่การเป็นสุดยอดนักขายดิจิทัล
1.รู้จักและรักในสินค้าที่จะขายอย่างจริงใจซะก่อน
ความจริงใจจะสามารถทำลายกำแพงขวางกั้นระหว่างมิตรภาพของคนทั้งสองได้ คำพูดจากนักปราชณ์ท่านหนึ่ง เป็นเรื่องจริงที่ว่า คุณจะขายสินค้าซักอย่างหนึ่ง หากคุณเองไม่ชอบหรือไม่แม้แต่จะอยากให้คนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวได้ใช้ นั่นแสดงว่าคุณไม่ได้ชอบสินค้านั้นหรือคุณรู้อยู่แก่ใจว่าสินค้านั้นไม่ดี
การขายสินค้าลักษณะนี้จะทำให้คุณกลายเป็น นักต้มตุ๋น คนลวงโลก ได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าเป็นการนำเสนอสินค้าหรือการขายแบบดิจิทัล ในช่องทางออนไลน์ที่ข้อมูลข่าวสารกระสายออกไปไวและง่ายดาย คุณอาจตกเป็นอาชญากรทางสังคมไปเลยก็ได้
ดังนั้น ในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งในโลก การขายสินค้า ก็เหมือนการให้สัญญา หรือ แก้ปัญหาบางอย่างให้กะบผู้ซื้อ ถ้ามันทำแบบนั้นไม่ได้จริง คุณก็ควรมองหาสินค้าอย่างอื่นมาขายดีกว่า เมื่อคุณรักและเข้าใจสินค้าชนิดนั้น เคยใช้เองและอย่างให้คนใกล้ชิด คนในครอบครัวได้ใช้ ได้นำสินค้านี้ไปแก้ปัญหาของพวกเขา เราทุกคนมีทางเลือก ถ้าเป็นเรื่องของสินค้า ในนามของ สุดยอดนักขายดิจิทัล จงเลือกสินค้าที่คุณรักและเชื่อว่ามันจะสามารถช่วยแก้ปัญหาบางอย่างที่กวนใจคนซื้ออยู่ ได้จริงๆ
2.รู้จักลูกค้าและพฤติกรรมบนโลกออนไลน์ของพวกเขา
เมื่อรู้จักสินค้าดีแล้วคุณย่อมมองออกว่าสินค้าที่คุณต้องการขายเหมาะกับลูกค้าหลักๆในกลุ่มใด เช่น เป็นสินค้าสำหรับคุณแม่มือใหม่วัยรุ่น หรือ ผู้สูงอายุหลังเกษียณว่างงาน ดังตัวอย่างของกลุ่มลูกค้าที่ให้ไว้นี้ ถ้าลองศึกษาพฤติกรรมของทั้งคู่จะพบว่า พฤติกรรมของทั้งสองกลุ่มในการใช้ช่องทางดิจิทัล การเข้าถึงสื่อออนไลน์ หรือ การใช้งานแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ก็จะแตกต่างกันไปอย่างเห็นได้ชัด และ มีนัยสำคัญ
เมื่อคุณต้องการก้าวสู่ สุดยอดนักขายในโลกดิจิทัล คุณจึงจำเป็นต้องรู้พฤติกรรมผู้บริโภค หรือ กลุ่มลูกค้าของคุณให้แน่ชัด เพื่อประโยชน์ในการที่คุณจะได้เข้าถึงและพบเจอพวกเขาได้ และเพิ่มโอกาสในการพบเจอและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในลักษณะเดียวกันกับกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนั้น เมื่อรู้ช่องทางออนไลน์ที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณเลือกใช้ หรือ อาศัยอยู่ แล้ว นักขายดิจิทัล ต้องรู้ว่าพวกเขาชอบที่จะเสพ หรือ สนใจเนื้อหาแบบไหน รูปแบบใด และ ช่วงเวลาใด เช่น เนื้อหาที่เป็นเรื่องสนุกสนาน เฮฮา ตลก อาจเข้าถึงวัยรุ่นได้ง่าย ส่วนเนื้อหาที่เกี่ยวกับสุขภาพ อาหารการกินของที่มีประโยชน์ อาจเหมาะสมกับวัยผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ รวมทั้ง เนื้อหาที่เลือกได้แล้ว ก็ต้องนำเสนอออกไปในรูปแบบที่ลูกค้าชอบ ในช่วงเวลาที่ลูกค้าพร้อมรับ เช่น วิดีโอคอนเทนต์จะเป็นที่สนใจของคนส่วนใหญ่มากกว่าตัวหนังสือ และ วิดีโอแบบยาวจะมีการดูกันผ่านยูทูป ส่วนวิดีโอสั่นๆและมีคำบรรยายแบบไม่ต้องเปิดเสียงจะมีการดูในเฟสบุ๊คมากกว่า
3.รู้ให้ได้ ว่า อะไรคือปัญหากวนใจลูกค้าที่สินค้าของคุณแก้ไขให้ได้
เมื่อรู้จักและรักในสินค้า และ รู้พฤติกรรมลูกค้าแล้ว เพื่อจะทำให้เกิดการขายได้ง่ายขึ้น แล้วก้าวสู่ สุดยอด นักขายขั้นเทพสายดิจิทัล คุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจว่าอะไรบ้าง คือ ปัญหาที่กวนใจลูกค้าของคุณ ในบางหลักสูตร บางตำราจะใช้คำว่า Customer’s PainPoint หรือ จุดเจ็บปวดในใจของลูกค้า
คุณจำเป็นต้องรู้ปัญหาในหลากหลายมุม ที่เป็นปัญหาหลักๆร่วมกันของกลุ่มคนที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของคุณ อะไรบ้างที่เป็นปัญหากวนใจของพวกเขา ในทุกๆระดับ เช่น เป็นปัญหากวนใจที่สร้างความรำคาญใจอยู่บ้าง เป็นปัญหากวนใจอย่างมากถึงขนาดทำให้นอนไม่หลับ เป็นปัญหากวนใจที่เกิดขึ้นบ่อยๆแต่มีทางออก และอื่นๆ เมื่อคุณสามารถรับรู้ เรียนรู้ เข้าใจ และ ตีแผ่ปัญหาเหล่านี้ออกมาได้เป็นข้อๆ แล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ การตรวจสอบดูว่าปัญหาเหล่านั้นมีส่วนใดบ้างที่สินค้าของเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาเบาบางปัญหาเหล่านั้น หรือแม้แต่ สามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นให้หายขาด หายไปโดยสิ้นเชิงได้ยิ่งดี
การทำการวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้เป็นงานที่สำคัญมากๆ ที่ นักขายดิจิทัล ต้องใช้เวลาศึกษาทำการบ้านไว้เป็นอย่างดี เพราะมันจะทำให้เพิ่มโอกาสการขาย และปิดการขายได้ง่ายขึ้น โดยที่แทบจะไม่ต้องใช้เทคนิคอื่น โปรโมชั่น หรือ การพูดบรรยายอะไรให้มากมายเลย
4.รู้ถึงความเหมาะสมของช่วงเวลา Customer Journey
จากหัวข้อทั้ง 3 ที่ได้เรียนรู้ไปแล้วนั้นก็สามารถเพิ่มโอกาสการซื้อ และ การปิดการขาย ได้แล้วอย่างแน่นอน แต่ถ้าปราศจากการตระหนักรู้ถึง เรื่องของจังหวะเวลาที่เหมาะสมแล้วล่ะก็ การปิดขายก็อาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างที่นักขายต้องการ
เพื่ออธิบายเรื่องของ จังหวะความเหมาะสม ของช่วงเวลา ของการตัดสินใจ ซื้อของลูกค้า หรือ Customer Journey มีผู้ใช้คำนิยามและอธิบายการเดินทางของการตัดสินใจซื้อของลูกค้าไว้หลากหลายรูปแบบ แต่รูปแบบล่าสุด
ถูกนำเสนอโดย Avinash Kaushik นักการตลาดดิจิทัล และ หนึ่งในศาสดาใน Google ได้แนะนำคำนิยามของ Customer Journey ในรูปแบบของพฤติกรรมของลูกค้าในโลกดิจิทัล 3 จังหวะช่วงเวลา
👉SEE ช่วงดูเฉยๆ เป็นช่วงที่ต่อให้เป็นลูกค้าเป้าหมายโดยตรง สนใจสินค้า แต่ช่วงนี้ ลูกค้าจะดูเฉยๆ ดูผ่านๆ ไม่ตัดสินใจ หรือ ทำการใดๆเลย กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่สามารถพบเห็นได้มากที่สุดในตลาด
👉THINK ช่วงกำลังคิด เป็นช่วงที่น่าสนใจสำหรับ นักขายดิจิทัล เพราะเป็นช่วงที่ลูกค้าเริ่มทำการค้นหาข้อมูลสินค้า เปรียบเทียบราคา และ ทำกิจกรรมอื่นๆ เพื่อให้ได้รายละเอียดต่างๆของสินค้าจนพอใจ
👉DO ช่วงตัดสินใจแล้ว (พร้อมซื้อ) เป็นช่วงที่ลูกค้าได้ข้อมูลเป็นที่พอใจและได้มีการตัดสินใจที่จะซื้อแล้ว รวมทั้งพร้อมสุดสุดที่จะจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าที่ต้องการ นักขายสายดิจิทัล พึงให้ความสำคัญกับช่วงนี้มากที่สุด
5.เรียนรู้เทคนิคการนำเสนอและการปิดการขาย
เทคนิคการนำเสนอสินค้า การโน้มนาวใจลูกค้า จูงใจให้ลูกค้าอยากได้ และ เทคนิคปิดการขาย ต่างๆ ที่มีการสอนทั้งทฤษฎีและปฎิบัติ ให้เรียนรู้กันมาเนิ่นนาน จากผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ นักขาย นักการตลาด อาจารย์ วิทยากร และอีกหลากหลายปรมาจารย์ด้านการขาย สิ่งเหล่านี้ ยังคงมีประสิทธิภาพอยู่ และ ยังคงใช้ได้เป็นอย่างดี
การเปลี่ยนแปลงไปของช่องทางในการนำเสนอและช่องทางการสื่อสารกับลูกค้า ตามเทคโนโลยีดิจิทัล จำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญและเรียนรู้เพื่อหาทางรับมืออยู่เสมอก็ตาม แต่สำหรับการ ปิดการขาย หรือความอยากได้สินค้า และ การยอมควักตังค์จ่ายเพื่อซื้อ พฤติกรรมของผู้บริโภคในการตัดสินใจเพื่อซื้อนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมสักเท่าไหร่ หรือ เรียกได้ว่าการตัดสินใจเพื่อซื้อสินค้าของลูกค้านั้น ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยก็ว่าได้
ดังนั้น นักขายดิจิทัล ที่ดีจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจสามารถผสมผสานประยุกต์ เทคนิคการขาย ต่างๆเพื่อนำมาใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละช่องทางหรือสื่อสารให้ถูกต้องตรงกับช่องทางต่างๆที่ลูกค้าอยู่บนโลกออนไลน์เพื่อสร้างโอกาสการขายและการปิดการขายให้เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเรียนรู้เทคนิคการขายและปิดการขายต่างๆจึงยังมีความจำเป็นอยู่เสมอแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน หรือมีเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นมากน้อยเพียงใดก็ตาม สุดท้ายพฤติกรรมของผู้บริโภคในการตัดสินใจที่จะซื้อก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม
6.เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ทั้งความรู้ด้านการขายและด้านเทคโนโลยี
ในฐานะ นักขาย ซึ่งเป็นทักษะเฉพาะตัวที่สามารถเรียนรู้และสั่งสอนสืบทอดต่อกันได้ จึงเป็นเรื่องของความสนใจกระตือรือร้นและความสามารถส่วนบุคคลรวมอยู่ด้วย
เมื่อได้รู้แล้วว่า การขาย เป็น ทักษะ ดังนั้นความเหมือนของการขายกับทักษะทั่วๆไป นั่นก็คือ เมื่อเกิดการฝึกซ้อม ปฏิบัติ หรือ หมั่นพัฒนาทักษะเหล่านี้ อยู่เสมอ ก็จะยิ่งทำให้มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในด้านการขายเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยเรื่อยมากขึ้นทุกวันทุกวัน
นักขายดิจิทัล จะต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอไม่หยุดยั้งที่จะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ รวมทั้ง เทคนิคการขาย กลยุทธ์การขาย ต่างๆ สั่งสมความรู้ รวมถึง ฝึกปรือฝีมือในการปฏิบัติ หมั่นพบปะลูกค้าเพิ่มทักษะการขายให้ชำนาญมากขึ้นทุกวินาทีของชีวิต ก็จะยิ่งทำให้นิยามความเป็น สุดยอดนักขายดิจิทัล เป็นจริงสำหรับคุณได้ไม่ยากเลย
ปัจจุบันในเรื่องของการศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง รวมถึง เรียนรู้เทคนิคการขายต่างๆ คุณเองสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ เนื่องจาก ปัจจุบันมีการนำเสนอเนื้อหาเหล่านี้ ความรู้ดีๆ และ เทคนิคอันทรงประสิทธิภาพไว้อย่างแพร่หลายมากมาย ผ่านสื่อออนไลน์อย่าง YouTube และ รูปแบบวิดีโอผ่านช่องทางดิจิทัลหลากหลาย เพื่อการเรียนรู้ต่างๆอีกมากมาย คุณสามารถที่จะค้นหา คอร์สเรียนเหล่านี้เองได้ทันทีที่คุณต้องการ
7.เรียนรู้และลงมือสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ Online Personal Branding
ถ้าลองย้อนกลับไปดู 3 ความเข้าใจผิดหลักๆ ของการเป็น นักขาย ดิจิทัล ที่ได้กล่าวถึงไปแล้วก่อนหน้านี้ ข้อหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าพอเราก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล การทำธุรกิจในช่องทางออนไลน์เริ่มเกิดการผสมผสานกันอย่างแทบแยกไม่ออกระหว่างการตลาดและการขาย
ข้อแนะนำหรือเทคนิคนี้ จะทำให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่ากิจกรรมในโลกออนไลนไหนที่เมื่อคุณทำแล้วเป็นการทำการตลาด และ อย่างไหนคือการขายแบบดิจิทัล ให้คุณลองสำรวจการดำเนินการบางอย่างที่คุณทำอยู่ขณะนี้ในช่องทางดิจิทัล ว่าสิ่งที่ทำนี้ ทำให้ลูกค้าติดต่อตัวคุณมา หรือ รู้จักตัวคุณว่าเป็นนักขายหรือไม่ ถ้าไม่ สิ่งที่คุณทำอยู่ คือ ส่วนหนึ่งในการทำการตลาดแบบดิจิทัล เท่านั้น
ที่เป็นเหตุนี้เพราะ คุณกำลังพยายาม ทำให้ลูกค้ารู้จักสินค้า รับรู้แบรนด์ กระตุ้นความอยากได้อยากซื้อของลูกค้า แต่ไม่มีกิจกรรมไหนเลยที่พยายามทำให้ลูกค้าต้องการซื้อกับคุณเท่านั้น ดังนั้นความพยายามทั้งหมดที่กล่าวมา กลายเป็นการทำการตลาด ออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้ารู้จักและรับรู้แบรนด์สินค้าเท่านั้น
ดังนั้น สิ่งที่จะทำให้คุณต่างจากนักขายทั่วๆไป ก้าวเข้าสู่ สุดยอดนักขายดิจิทัล ทำให้ลูกค้าต้องการซื้อกับคุณเท่านั้น เทคนิคนี้ คือ การสร้างตัวตนบนโลกดิจิทัล หรือ Personal Branding การทำให้ลูกค้ารู้จักและต้องการซื้อสินค้ากับ “คุณ”
สุดท้ายนี้ การเป็น นักขายดิจิทัล ไม่ได้จำกัดแค่เพียง การขายประกัน การขายรถยนต์ การขายของออนไลน์ ในนิยามความหมายมันครอบคลุมมากกว่านั้น เมื่อคุณเข้าใจเรื่องของการเป็น นักขาย ดิจิทัล อย่างถูกต้องและมีเทคนิคที่จะนำพาคุณไปสู่สุดยอดนักขายดิจิทัลแล้ว จากนี้ไป การทำธุรกิจที่ใหญ่และเจริญมากขึ้นไปอีกก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-----------------------------------------------------------------------------------
สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์
ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้
------------------------------------------------------------------------------------
💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙
📱Tel : 0840104252 📱0947805680
สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)
📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH
┏━━━━━━━━━┓
📲 LINE: @chatstick
┗━━━━━━━━━┛
หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM
🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran
🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio
Comments